27-525 เหตุที่พระเจ้าจูฬสุตโสมออกผนวช



พระไตรปิฎก


๕. จูฬสุตโสมชาดก
ว่าด้วยเหตุที่พระเจ้าจูฬสุตโสมออกผนวช

(พระโพธิสัตว์สุตโสมตรัสว่า)
{๒๕๑๙} [๑๙๕] เราขอประกาศให้ชาวนิคม มิตร อำมาตย์
และข้าราชบริพารได้ทราบ
บัดนี้ ผมที่ศีรษะของเราหงอกแล้ว
เราจึงพอใจการบรรพชา
(อำมาตย์ผู้องอาจแกล้วกล้าคนหนึ่งกราบทูลว่า)
{๒๕๒๐} [๑๙๖] ทำไมหนอ พระองค์จึงรับสั่งความไม่เจริญแก่ข้าพระพุทธเจ้า
ขอเดชะพระองค์ผู้สมมติเทพ
พระองค์ทรงปักพระแสงศรที่อกของข้าพระพุทธเจ้า
พระองค์ทรงมีพระชายาถึง ๗๐๐ นาง
พระชายาเหล่านั้นของพระองค์จักเป็นอย่างไรหนอ
(พระโพธิสัตว์จูฬสุตโสมตรัสว่า)
{๒๕๒๑} [๑๙๗] นางทั้งหลายเหล่านั้นจักปรากฏตามกรรมของตนเอง
พวกนางยังสาว จักไปพึ่งพาพระราชาแม้พระองค์อื่นได้
ส่วนเราปรารถนาสวรรค์ เพราะเหตุนั้น จึงจักบรรพชา
(พระราชชนนีรีบเสด็จมาโดยด่วนตรัสถามว่า)
{๒๕๒๒} [๑๙๘] พ่อสุตโสม การที่แม่เป็นแม่ของเจ้า
นับว่าแม่ได้เจ้ามาด้วยความลำบาก เมื่อแม่พร่ำเพ้อรำพันอยู่
เพราะเหตุไร เจ้าจึงไม่อาลัยจะบวชเสียเล่า
[๑๙๙] พ่อสุตโสม การที่แม่คลอดเจ้ามา
นับว่าแม่ได้เจ้ามาด้วยความลำบาก เมื่อแม่พร่ำเพ้อรำพันอยู่
เพราะเหตุไร เจ้าจึงไม่อาลัยจะบวชเสียเล่า
(พระชนกทรงทราบข่าวแล้วเสด็จมา ตรัสถามว่า)
{๒๕๒๓} [๒๐๐] พ่อสุตโสม ธรรมนั่นชื่ออะไร
และอะไรชื่อว่าการบรรพชา
เพราะเหตุไร เจ้าเป็นบุตรของเราทั้ง ๒ จึงไม่มีความอาลัย
จะละทิ้งเราทั้ง ๒ ผู้แก่เฒ่าไปบวชเสียเล่า
{๒๕๒๔} [๒๐๑] แม้ลูกชายลูกสาวของพ่อก็มีอยู่มาก
ยังเล็กอยู่ ยังไม่เป็นหนุ่มเป็นสาว
แม้เด็กเหล่านั้นกำลังฉอเลาะอ่อนหวาน
เมื่อไม่เห็นพ่อ เห็นจะเป็นทุกข์ไปตาม ๆ กัน
(พระโพธิสัตว์จูฬสุตโสมสดับพระดำรัสแล้ว กราบทูลว่า)
{๒๕๒๕} [๒๐๒] การอยู่ร่วมกันแม้นานแล้วพลัดพรากจากกัน
ของหม่อมฉันกับลูกทั้งหลายเหล่านั้นซึ่งยังเด็กอยู่
ยังไม่เป็นหนุ่มเป็นสาว กำลังฉอเลาะอ่อนหวานแม้ทั้งหมด
และจากทูลกระหม่อมทั้ง ๒ พระองค์เป็นของแน่นอน
(พระชายาทั้งหลายทราบข่าวแล้วคร่ำครวญอยู่กราบทูลว่า)
{๒๕๒๖} [๒๐๓] ขอเดชะพระองค์ผู้สมมติเทพ
ทูลกระหม่อมทรงตัดพระทัยแล้วหรือ
ทรงหมดความกรุณาในพวกหม่อมฉันหรือ เพราะเหตุไร
ทูลกระหม่อมจึงไม่อาลัยพวกหม่อมฉันผู้คร่ำครวญอยู่
จะเสด็จออกผนวชเสียเล่า
(พระโพธิสัตว์จูฬสุตโสมสดับเสียงคร่ำครวญของพระชายาเหล่านั้นแล้วตรัสว่า)
{๒๕๒๗} [๒๐๔] เราตัดใจได้แล้วก็หามิได้
และเราก็ยังมีความกรุณาในพวกเธออยู่
แต่ว่าเราปรารถนาสวรรค์
เพราะเหตุนั้น จึงจักบวช
(พระมเหสีทรงพระครรภ์แก่ได้กราบทูลว่า)
{๒๕๒๘} [๒๐๕] เจ้าพี่สุตโสม การที่หม่อมฉันเป็นมเหสีของเจ้าพี่
นับว่าหม่อมฉันได้เจ้าพี่มาด้วยความยากลำบาก
ขอเดชะพระองค์ผู้สมมติเทพ เมื่อหม่อมฉันพร่ำเพ้อรำพันอยู่
เพราะเหตุไร เจ้าพี่จึงไม่ทรงอาลัย จะทรงผนวชเสียเล่า
[๒๐๖] เจ้าพี่สุตโสม การที่หม่อมฉันเป็นมเหสีของเจ้าพี่
นับว่าหม่อมฉันได้เจ้าพี่มาด้วยความยากลำบาก
ขอเดชะพระองค์ผู้สมมติเทพ เพราะเหตุไร
เจ้าพี่จึงไม่ทรงอาลัยพระโอรสที่ปฏิสนธิในครรภ์ของหม่อมฉัน
จะทรงผนวชเสียเล่า
[๒๐๗] ครรภ์ของหม่อมฉันแก่แล้ว
ขอพระองค์รออยู่จนกว่าหม่อมฉันจะคลอดพระโอรส
ขอหม่อมฉันอย่าได้เป็นหม้ายอยู่แต่ผู้เดียว
ได้ประสบทุกข์ยากในภายหลัง
(พระโพธิสัตว์จูฬสุตโสมตรัสว่า)
{๒๕๒๙} [๒๐๘] ครรภ์ของน้องนางแก่แล้ว
เอาเถิด ขอให้น้องนางจงคลอดบุตร ซึ่งมีผิวพรรณไม่ทรามเถิด
ส่วนพี่จักละบุตรและน้องนางไปบวช
(พระโพธิสัตว์ตรัสปลอบโยนพระนางว่า)
{๒๕๓๐} [๒๐๙] อย่าร้องไห้เศร้าโศกไปเลย เจ้าจันทา
เจ้าผู้มีดวงเนตรงามดุจดอกกรรณิการ์เขา
จงขึ้นไปยังปราสาทอันประเสริฐเสียเถิด
พี่จักไปอย่างคนหมดความอาลัย
(พระโอรสองค์ใหญ่ทูลถามว่า)
{๒๕๓๑} [๒๑๐] เสด็จแม่ ใครทำให้เสด็จแม่ทรงพิโรธ
ทำไมเสด็จแม่จึงทรงกันแสง
และทรงจ้องดูหม่อมฉันนัก
บรรดาพระญาติที่เห็น ๆ กันอยู่
ใครที่หม่อมแม่ฆ่าไม่ได้ หม่อมฉันจะฆ่าเอง
(พระเทวีตรัสว่า)
{๒๕๓๒} [๒๑๑] ลูกรัก ท่านผู้ใดทำให้แม่โกรธ
ท่านผู้นั้นเป็นผู้ชนะในแผ่นดิน เจ้าไม่อาจจะฆ่าเขาได้เลย
ลูกรัก พระบิดาของเจ้าได้พูดกับแม่ว่า
เราจักไปอย่างคนหมดความอาลัย
(พระโอรสองค์ใหญ่คร่ำครวญอยู่ตรัสว่า)
{๒๕๓๓} [๒๑๒] เมื่อก่อน หม่อมฉันนำช้างตกมัน
ไปพระอุทยานและเล่นรบกัน
บัดนี้ เมื่อเสด็จพ่อสุตโสมทรงผนวชแล้ว
หม่อมฉันจักทำอย่างไรหนอ
(น้องชายองค์เล็กของพระโอรสองค์ใหญ่ตรัสว่า)
{๒๕๓๔} [๒๑๓] เมื่อพระมารดาของหม่อมฉันทรงกันแสงอยู่
และเมื่อเจ้าพี่ไม่ทรงยินยอม
หม่อมฉันก็จักยึดแม้พระหัตถ์ทั้ง ๒ ของเสด็จพ่อไว้
เมื่อพวกหม่อมฉันไม่ยินยอม เสด็จพ่อจะเสด็จไปไม่ได้
(พระโพธิสัตว์จูฬสุตโสมตรัสว่า)
{๒๕๓๕} [๒๑๔] ลุกขึ้นเถิดเจ้า แม่นม
เจ้าจงชวนกุมารนี้ให้ไปรื่นรมย์ที่อื่นเถิด
กุมารนี้อย่าได้ทำอันตรายแก่เราเลย
เมื่อเรากำลังปรารถนาสวรรค์
(พระพี่เลี้ยงกราบทูลว่า)
{๒๕๓๖} [๒๑๕] ถ้ากระไร เราพึงให้แก้วมณีอันมีแสงสว่างนี้
ประโยชน์อะไรของเรากับแก้วมณีนี้หนอ
เมื่อพระจอมนรชนสุตโสมทรงผนวชแล้ว
เราจะทำอย่างไรกับแก้วมณีนั้นหนอ
(มหาเสนคุตตอำมาตย์กราบทูลว่า)
{๒๕๓๗} [๒๑๖] พระคลังน้อยของพระองค์ก็ไพบูลย์
เรือนคลังหลวงของพระองค์ก็บริบูรณ์
และปฐพี พระองค์ก็ทรงชนะแล้ว
ขอพระองค์ทรงพอพระทัย อย่าทรงผนวชเลย พระพุทธเจ้าข้า
(พระโพธิสัตว์จูฬสุตโสมตรัสว่า)
{๒๕๓๘} [๒๑๗] พระคลังน้อยของเราจะไพบูลย์ก็ตาม
เรือนคลังหลวงของเราจะบริบูรณ์ก็ตาม
ปฐพีถึงเราชนะแล้วก็ตาม
แต่เราจักละสิ่งนั้น ๆ ไปบวช
(กุลวัฒนเศรษฐีกราบทูลว่า)
{๒๕๓๙} [๒๑๘] ขอเดชะพระองค์ผู้สมมติเทพ
แม้ทรัพย์ของข้าพระพุทธเจ้าก็มีอยู่มากมาย
ข้าพระพุทธเจ้าไม่อาจจะนับได้
ข้าพระพุทธเจ้าขอถวายทรัพย์นั้นแม้ทั้งหมดแด่พระองค์
ขอพระองค์ทรงพอพระทัย อย่าทรงผนวชเลย พระพุทธเจ้าข้า
(พระโพธิสัตว์จูฬสุตโสมตรัสว่า)
{๒๕๔๐} [๒๑๙] เรารู้ว่า ทรัพย์ของท่านมีอยู่มาก
กุลวัฒนะ และเราท่านก็บูชา
แต่เราปรารถนาสวรรค์
เพราะเหตุนั้น จึงจักบวช
(โพธิสัตว์จูฬสุตโสมตรัสต่อไปว่า)
{๒๕๔๑} [๒๒๐] พี่เบื่อหน่ายหนัก ความไม่ยินดีกำลังครอบงำพี่
พ่อโสมทัต เพราะอันตรายของพี่มีมาก
พี่จึงจักบวชวันนี้แหละ
(โสมทัตอนุชาตรัสว่า)
{๒๕๔๒} [๒๒๑] ก็บรรพชากิจนี้เจ้าพี่ทรงพอพระทัย
เจ้าพี่สุตโสม เจ้าพี่ทรงผนวชเถิด
ในวันนี้ เดี๋ยวนี้แหละ แม้หม่อมฉันก็จักบวช
เว้นเจ้าพี่เสียแล้ว หม่อมฉันไม่อาจจะอยู่ได้
(พระโพธิสัตว์จูฬสุตโสมตรัสว่า)
{๒๕๔๓} [๒๒๒] เจ้ายังบวชไม่ได้
เพราะใคร ๆ ในเมืองและในชนบทจะไม่หุงต้มกิน
เมื่อมหาราชร้องไห้คร่ำครวญว่า
{๒๕๔๔} พระจอมนรชนสุตโสมทรงผนวชแล้ว
บัดนี้ พวกข้าพระพุทธเจ้าจักทำอย่างไรหนอ
(ต่อแต่นั้น พระโพธิสัตว์จูฬสุตโสมตรัสว่า)
{๒๕๔๕} [๒๒๓] เราเข้าใจว่า ชีวิตนี้ถูกชรานำเข้าไป
เหมือนกับน้ำนิดหน่อยในหม้อกรองน้ำด่าง
เมื่อชีวิตเป็นของน้อยนักอย่างนี้ จึงไม่ใช่เวลาที่จะประมาทเลย
[๒๒๔] เราเข้าใจว่า ชีวิตนี้ถูกชรานำเข้าไป
เหมือนกับน้ำนิดหน่อยในหม้อกรองน้ำด่าง
เมื่อชีวิตเป็นของน้อยนักอย่างนี้
ถึงอย่างนั้นพวกคนพาลก็ยังพากันประมาทอยู่
[๒๒๕] พวกคนพาลเหล่านั้นถูกเครื่องผูกคือตัณหาผูกมัดไว้แล้ว
ย่อมทำนรก กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน
เปรตวิสัย และอสุรกายให้เจริญ
(มหาชนคร่ำครวญกล่าวว่า)
{๒๕๔๖} [๒๒๖] ก็กลุ่มละอองธุลีฟุ้งลอยขึ้น
ในที่ไม่ห่างไกลจากปุปผกปราสาท
ชะรอยพระเกสาของพระธรรมราชา
ผู้เรืองยศของพวกเรา จักถูกตัดแล้ว
(มหาชนไม่เห็นพระราชา จึงเที่ยวคร่ำครวญว่า)
{๒๕๔๗} [๒๒๗] พระราชาทรงมีพระสนมกำนัลในห้อมล้อม เสด็จไป
ณ ปราสาทใดหนอ นี้คือปราสาทของพระองค์
เกลื่อนกล่นไปด้วยสุวรรณบุปผามาลัย
[๒๒๘] พระราชาทรงมีหมู่พระญาติห้อมล้อม เสด็จไป
ณ ปราสาทใดหนอ นี้คือปราสาทของพระองค์
เกลื่อนกล่นไปด้วยสุวรรณบุปผามาลัย
[๒๒๙] พระราชาทรงมีพระสนมกำนัลในห้อมล้อม เสด็จไป
ณ ปราสาทใดหนอ นี้คือปราสาทของพระองค์
เกลื่อนกล่นไปด้วยสุวรรณบุปผามาลัย
[๒๓๐] พระราชาทรงมีหมู่พระญาติห้อมล้อม เสด็จไป
ณ ปราสาทใดหนอ นี้คือปราสาทของพระองค์
เกลื่อนกล่นไปด้วยสุวรรณบุปผามาลัย
[๒๓๑] พระราชาทรงมีพระสนมกำนัลในห้อมล้อม เสด็จไป
ณ อโสกวันใดหนอ นี้คือภูมิภาคแห่งอโสกวันของพระองค์
มีดอกไม้บานสะพรั่งงดงาม น่ารื่นรมย์ตลอดกาลทั้งปวง
[๒๓๒] พระราชาทรงมีหมู่พระญาติห้อมล้อม เสด็จไป
ณ อโสกวันใดหนอ นี้คือภูมิภาคแห่งอโสกวันของพระองค์
มีดอกไม้บานสะพรั่งงดงาม น่ารื่นรมย์ตลอดกาลทั้งปวง
[๒๓๓] พระราชาทรงมีพระสนมกำนัลในห้อมล้อม เสด็จไป
ณ พระอุทยานใดหนอ นี้คือพระราชอุทยานของพระองค์
มีดอกไม้บานสะพรั่งงดงามตลอดกาลทั้งปวง น่ารื่นรมย์
[๒๓๔] พระราชาทรงมีหมู่พระญาติห้อมล้อม เสด็จไป
ณ พระอุทยานใดหนอ นี้คือพระราชอุทยานของพระองค์
มีดอกไม้บานสะพรั่งงดงาม น่ารื่นรมย์ตลอดกาลทั้งปวง
[๒๓๕] พระราชาทรงมีพระสนมกำนัลในห้อมล้อม เสด็จไป
ณ สวนกรรณิการ์ใดหนอ นี้คือสวนกรรณิการ์ของพระองค์
มีดอกไม้บานสะพรั่งงดงาม น่ารื่นรมย์ตลอดกาลทั้งปวง
[๒๓๖] พระราชาทรงมีหมู่พระญาติห้อมล้อม เสด็จไป
ณ สวนกรรณิการ์ใดหนอ นี้คือสวนกรรณิการ์ของพระองค์
มีดอกไม้บานสะพรั่งงดงาม น่ารื่นรมย์ตลอดกาลทั้งปวง
[๒๓๗] พระราชาทรงมีพระสนมกำนัลในห้อมล้อม เสด็จไป
ณ สวนปาฏลิวันใดหนอ นี้คือสวนปาฏลิวันของพระองค์
มีดอกไม้บานสะพรั่งงดงาม น่ารื่นรมย์ตลอดกาลทั้งปวง
[๒๓๘] พระราชาทรงมีหมู่พระญาติห้อมล้อม เสด็จไป
ณ สวนปาฏลิวันใดหนอ นี้คือสวนปาฏลิวันของพระองค์
มีดอกไม้บานสะพรั่งงดงาม น่ารื่นรมย์ตลอดกาลทั้งปวง
[๒๓๙] พระราชาทรงมีพระสนมกำนัลในห้อมล้อม เสด็จไป
ณ สวนอัมพวันใดหนอ นี้คือสวนอัมพวันของพระองค์
มีดอกไม้บานสะพรั่งงดงาม น่ารื่นรมย์ตลอดกาลทั้งปวง
[๒๔๐] พระราชาทรงมีหมู่พระญาติห้อมล้อม เสด็จไป
ณ สวนอัมพวันใดหนอ นี้คือสวนอัมพวันของพระองค์
มีดอกไม้บานสะพรั่งงดงาม น่ารื่นรมย์ตลอดกาลทั้งปวง
[๒๔๑] พระราชาทรงมีพระสนมกำนัลในห้อมล้อม เสด็จไป
ณ สระโบกขรณีใดหนอ นี้คือสระโบกขรณีของพระองค์
ดารดาษไปด้วยดอกไม้นานาชนิด คับคั่งไปด้วยฝูงนก
[๒๔๒] พระราชาทรงมีหมู่พระญาติห้อมล้อม เสด็จไป
ณ สระโบกขรณีใดหนอ นี้คือสระโบกขรณีของพระองค์
ดารดาษไปด้วยดอกไม้นานาชนิด คับคั่งไปด้วยฝูงนก
{๒๕๔๘} [๒๔๓] พระเจ้าสุตโสมบรมราชาทรงสละราชสมบัตินี้ผนวชเสียแล้ว
พระองค์ทรงผ้ากาสาวพัสตร์ เสด็จเที่ยวไปพระองค์เดียว
ดุจพญาช้างตัวประเสริฐ
(พระโพธิสัตว์จูฬสุตโสมตรัสว่า)
{๒๕๔๙} [๒๔๔] ท่านทั้งหลายอย่าหวนระลึกถึงความยินดี
การเล่นและความรื่นเริงทั้งหลายในกาลก่อนเลย
กามทั้งหลายอย่าฆ่าท่านทั้งหลายได้เลย
จริงอยู่ สุทัสสนนครน่ารื่นรมย์ยิ่งนัก
[๒๔๕] อนึ่ง ท่านทั้งหลายจงเจริญเมตตาจิต
ที่มีอารมณ์ไม่มีประมาณทั้งกลางวันและกลางคืนเถิด
เมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านทั้งหลายจะได้ไปสู่เทพบุรี
อันเป็นสถานที่อยู่ของท่านผู้บำเพ็ญบุญ ดังนี้แล
จูฬสุตโสมชาดกที่ ๕ จบ

บาลี



รออัพเดต

อรรถกถา


รออัพเดต

สนทนาธรรม

comments

Comments are closed.