27-483 ละมั่งทำคุณแก่พระราชา



พระไตรปิฎก


๑๐. สรภมิคชาดก
ว่าด้วยละมั่งทำคุณแก่พระราชา

(พระเจ้าพรหมทัตมีพระทัยเปี่ยมด้วยปีติ ทรงเปล่งอุทานว่า)
{๑๘๕๔} [๑๓๔] เป็นคนต้องหวังร่ำไป คนฉลาดไม่ควรท้อแท้
เราเห็นตัวเองเป็นตัวอย่าง
ปรารถนาอย่างใดก็ได้อย่างนั้น
{๑๘๕๕} [๑๓๕] เป็นคนต้องหวังร่ำไป คนฉลาดไม่ควรท้อแท้
เราเห็นตัวเองเป็นตัวอย่าง
ถูกเขาช่วยให้ขึ้นจากน้ำมาบนบกได้
{๑๘๕๖} [๑๓๖] เป็นคนต้องพยายามร่ำไป คนฉลาดไม่ควรท้อแท้
เราเห็นตัวเองเป็นตัวอย่าง
ปรารถนาอย่างไรก็ได้อย่างนั้น
{๑๘๕๗} [๑๓๗] เป็นคนต้องพยายามร่ำไป คนฉลาดไม่ควรท้อแท้
เราเห็นตัวเองเป็นตัวอย่าง
ถูกเขาช่วยให้ขึ้นจากน้ำมาบนบกได้
{๑๘๕๘} [๑๓๘] คนมีปัญญาแม้จะตกอยู่ในความทุกข์
ก็ไม่ควรสิ้นความหวัง เพื่อจะบรรลุถึงความสุข
เพราะว่าสัมผัส A มีอยู่มากมาย ทั้งที่ไม่มีประโยชน์และมีประโยชน์
ถึงจะไม่นึกคิดก็ต้องถึงความตาย
{๑๘๕๙} [๑๓๙] สิ่งที่ไม่ได้คิดแล้วเป็นไปได้ก็มี
สิ่งที่คิดแล้วพินาศไปก็มี ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย
โภคะทั้งหลายสำเร็จได้เพราะความคิดไม่มีเลย
(พราหมณ์ปุโรหิตถวายพระพรชัยแล้ว ได้กราบทูลว่า)
{๑๘๖๐} [๑๔๐] ละมั่งตัวใด พระองค์ติดตามไปจนถึงซอกเขา ในตอนแรก
เพราะอาศัยความบากบั่นของละมั่งตัวนั้นซึ่งมีจิตไม่ย่อท้อ
พระองค์จึงยังทรงพระชนม์อยู่ได้
{๑๘๖๑} [๑๔๑] ละมั่งตัวใด พยายามใช้ก้อนหินถม
ช่วยพระองค์ขึ้นมาจากเหวที่ขึ้นได้แสนยาก
และปลดเปลื้องพระองค์ผู้ทรงระทมทุกข์จากปากพญามัจจุราช
พระองค์คงจะทรงรับสั่งถึงละมั่งตัวมีจิตไม่ย่อท้อตัวนั้นแหละ
(พระราชาตรัสว่า)
{๑๘๖๒} [๑๔๒] เวลานั้น ท่านได้อยู่ ณ ที่นั้นเหมือนกันหรือ
หรือว่าใครบอกเรื่องนั้นแก่ท่าน
ท่านเห็นทุกอย่างหรือ จึงเปิดเผยเรื่องนั้นได้
ญาณของท่านมีกำลังมากจริงนะพราหมณ์
(พราหมณ์ปุโรหิตเมื่อจะชี้แจง จึงกราบทูลว่า)
{๑๘๖๓} [๑๔๓] เวลานั้น ข้าพระองค์ได้อยู่ที่นั้นด้วยก็หาไม่
และแม้ใครจะบอกเรื่องนั้น ๆ แก่ข้าพระองค์ก็หาไม่
ขอเดชะพระองค์ผู้จอมชน ปราชญ์ทั้งหลาย
ประมวลเนื้อความแห่งบทคาถาสุภาษิตนั้นมา
(ต่อมาท้าวสักกะทรงสิงในสรีระของพราหมณ์ปุโรหิตแล้วได้ตรัสกับพระราชาว่า)
{๑๘๖๔} [๑๔๔] พระองค์ทรงสอดลูกศรมีปีก
ซึ่งจะฆ่าได้ด้วยความเพียรของผู้อื่นไว้ที่แล่งแล้ว
ทำไมยังทรงลังเลอยู่เล่า
ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงพระปัญญาอันประเสริฐ
ขอลูกศรที่แล่นออกจากแล่งไปจงฆ่าละมั่งโดยเร็วเถิด
เพราะว่าเนื้อละมั่งนั่นเป็นภักษาของพระราชา
(ลำดับนั้น พระราชาตรัสว่า)
{๑๘๖๕} [๑๔๕] ข้อนั้น ถึงเราจะรู้อย่างชัดแจ้งว่า
เนื้อเป็นพระกระยาหารของกษัตริย์ก็จริง
พราหมณ์ แต่เราเมื่อจะอ่อนน้อมบูชาคุณ
ที่ละมั่งตัวนี้ได้ทำไว้แก่เราในกาลก่อน
เพราะเหตุนั้น จึงไม่ฆ่าเนื้อละมั่ง
(ท้าวสักกะตรัสว่า)
{๑๘๖๖} [๑๔๖] พระมหาราชผู้เป็นใหญ่ในทิศ นั่นไม่ใช่เนื้อ
นั่นคือท้าวสักกะผู้ยิ่งใหญ่กว่าอสูร
พระองค์ผู้จอมมนุษย์
ขอพระองค์ทรงประหารท้าวสักกะนั่น
แล้วเป็นจอมเทพเสียเอง
{๑๘๖๗} [๑๔๗] ขอเดชะพระมหาราช ผู้ประเสริฐกว่าคนผู้กล้าหาญ
ถ้าพระองค์ยังทรงลังเลที่จะฆ่าเนื้อละมั่งผู้สหายอยู่
พระองค์พร้อมทั้งพระโอรส พระธิดา และพระมเหสี
จะต้องตกเวตตรณีนรกของพญายม
(พระราชาตรัสว่า)
{๑๘๖๘} [๑๔๘] เราและชาวชนบทก็ดี
ลูกเมียและหมู่สหายก็ดี
จะต้องตกเวตตรณีนรกของพญายมก็ตามที
เราไม่ควรจะฆ่าผู้ที่ให้ชีวิตแก่เราเลย
{๑๘๖๙} [๑๔๙] เนื้อตัวนี้ทำคุณแก่เราผู้กำลังตกยากอยู่คนเดียว
ในป่าเปลี่ยวอันแสนทารุณ
เราเมื่อระลึกถึงบุพการีที่เนื้อตัวนี้ได้กระทำไว้เช่นนั้น
ทั้งที่รู้อยู่จะพึงฆ่าลงได้อย่างไร ท่านมหาพราหมณ์
(ลำดับนั้น ท้าวสักกะทรงประกาศคุณของพระราชาว่า)
{๑๘๗๐} [๑๕๐] พระองค์ทรงโปรดปรานผู้เป็นมิตร
ขอทรงมีพระชนม์ชีพยืนนานเถิด
ขอทรงดำรงอยู่ในคุณธรรมปกครองรัฐสีมานี้เถิด
พระองค์ผู้มีหมู่นารีบำเรออยู่
จงบันเทิงพระหฤทัยในแว่นแคว้น
ดังเช่นท้าววาสวะบันเทิงอยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
{๑๘๗๑} [๑๕๑] ขอพระองค์อย่าทรงพิโรธ
มีพระหฤทัยผ่องใสอยู่เป็นนิตย์
ทรงต้อนรับแขกผู้มาเยือนทั้งปวง
จงบำเพ็ญทานบ้าง เสวยเองบ้างตามอานุภาพ
จงอย่าทรงถูกชาวโลกนินทา เสด็จสู่แดนสวรรค์เถิด
สรภมิคชาดกที่ ๑๐ จบ
เชิงอรรถ
A สัมผัส คือ สิ่งที่กระทบถูกต้อง ผัสสะที่เป็นทุกข์ ถูกเข้าแล้วถึงตายก็มี
ผัสสะที่เป็นสุข ถูกเข้าแล้ว ทำให้มีชีวิตก็มี (ขุ.ชา.อ. ๘/๑๓๘/๒๑๙)

บาลี



รออัพเดต

อรรถกถา


รออัพเดต

สนทนาธรรม

comments

Comments are closed.