25-508 การโต้ตอบระหว่างนายธนิยะกับพระพุทธเจ้า



พระไตรปิฎก


๒. ธนิยสูตร
ว่าด้วยการโต้ตอบระหว่างนายธนิยะกับพระพุทธเจ้า

{๒๙๕} [๑๘] (นายธนิยะเจ้าของโคกล่าวดังนี้)
ข้าพเจ้าปรุงอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว รีดน้ำนมโคไว้แล้ว
อยู่ร่วมกับบริวารช่วยเหลือกัน ใกล้ฝั่งแม่น้ำมหี
มุงหลังคากั้นฝาเรือน นำไฟมาติดไว้เรียบร้อย
ฝนเอ๋ย หากท่านอยากตกก็เชิญตกลงมาเถิด
[๑๙] (พระผู้มีพระภาคตรัสตอบดังนี้)
เราเป็นผู้ไม่โกรธ ปราศจากกิเลสดุจตะปูตรึงใจ
พักแรม ๑ ราตรี ใกล้ฝั่งแม่น้ำมหี
เพิงที่พักคืออัตภาพ ก็ปราศจากหลังคาเครื่องมุงบัง
กองไฟคือราคะเป็นต้นก็ดับหมดแล้ว
ฝนเอ๋ย หากท่านอยากตกก็เชิญตกลงมาเถิด
[๒๐] (นายธนิยะเจ้าของโคกล่าวดังนี้)
ฝูงโคของข้าพเจ้าไม่มีเหลือบและยุงมารบกวน
เที่ยวหากิน ณ ริมฝั่งแม่น้ำที่มีหญ้างอกงาม
จึงสามารถทนฝนที่ตกลงมาได้ดี
ฝนเอ๋ย หากท่านอยากตกก็เชิญตกลงมาเถิด
[๒๑] (พระผู้มีพระภาคตรัสตอบดังนี้)
เราผูกแพคืออริยมรรค ตกแต่งคือบำเพ็ญดีแล้ว
กำจัดห้วงน้ำคือกิเลสได้แล้ว ข้ามไปจนถึงฝั่งแล้ว A
จึงไม่มีความต้องการแพนั้นอีกต่อไป
ฝนเอ๋ย หากท่านอยากตกก็เชิญตกลงมาเถิด
[๒๒] (นายธนิยะเจ้าของโคกล่าวดังนี้)
ภรรยาของข้าพเจ้าเป็นหญิงเชื่อฟัง ไม่โลเล B
ครองรักร่วมกันมานานหลายปี เป็นที่ไว้วางใจของข้าพเจ้า
ความชั่ว C ใด ๆ ของนาง ข้าพเจ้าไม่เคยได้ยินเลย
ฝนเอ๋ย หากท่านอยากตกก็เชิญตกลงมาเถิด
[๒๓] (พระผู้มีพระภาคตรัสตอบดังนี้)
จิตของเราเชื่อฟังเรา หลุดพ้นกิเลสแล้ว
เราฝึกอบรมมานานจนเป็นจิตที่ฝึกหัดดีแล้ว
ดังนั้น เราจึงไม่มีความชั่ว D ใด ๆ ต่อไป
ฝนเอ๋ย หากท่านอยากตกก็เชิญตกลงมาเถิด
[๒๔] (นายธนิยะเจ้าของโคกล่าวดังนี้)
ข้าพเจ้าเป็นผู้ทำการงานของตนเองเลี้ยงชีวิต
ทั้งบุตรธิดาของข้าพเจ้าก็พร้อมหน้า ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ
ความชั่ว E ใด ๆ ของบุตรธิดาเหล่านั้น ข้าพเจ้าไม่เคยได้ยินเลย
ฝนเอ๋ย หากท่านอยากตกก็เชิญตกลงมาเถิด
[๒๕] (พระผู้มีพระภาคตรัสตอบดังนี้)
เราไม่เป็นลูกจ้างใคร F
เที่ยวไปด้วยความเป็นสัพพัญญู
ผู้ไม่มีความต้องการในโลกทั้งปวง
เราจึงไม่มีความต้องการด้วยค่าจ้างอีกต่อไป
ฝนเอ๋ย หากท่านอยากตกก็เชิญตกลงมาเถิด
[๒๖] (นายธนิยะเจ้าของโคกล่าวดังนี้)
ในจำนวนฝูงโคของข้าพเจ้านี้
มีทั้งโครุ่นที่ยังไม่ได้ฝึก
ลูกโคที่ยังดื่มนม แม่โคที่กำลังตั้งครรภ์
แม่โควัยเจริญพันธุ์ และโคสำคัญที่เป็นจ่าฝูง
ฝนเอ๋ย หากท่านอยากตกก็เชิญตกลงมาเถิด
[๒๗] (พระผู้มีพระภาคตรัสตอบดังนี้)
ในจำนวนฝูงโคคือศาสนธรรมของเรานี้
ไม่มีทั้งโครุ่นที่ยังไม่ได้ฝึก G
ลูกโคที่ยังดื่มนม H แม่โคที่กำลังตั้งครรภ์ I
แม่โควัยเจริญพันธุ์ J และโคสำคัญที่เป็นจ่าฝูง K
ฝนเอ๋ย หากท่านอยากตกก็เชิญตกลงมาเถิด
[๒๘] (นายธนิยะเจ้าของโคกล่าวดังนี้)
ข้าพเจ้าปักเสาสำหรับล่ามโคไว้แน่นหนา ไม่โยกคลอน
เชือกพิเศษสำหรับล่ามโคทั้งหลาย
ก็ฝั้นด้วยหญ้าปล้องใหม่ ๆ มีรูปทรงกะทัดรัดดี
ถึงแม้โคหนุ่ม ๆ จะดิ้นดึง ก็ไม่สามารถทำให้ขาดได้เลย
ฝนเอ๋ย หากท่านอยากตกก็เชิญตกลงมาเถิด
[๒๙] (พระผู้มีพระภาคตรัสตอบดังนี้)
เราได้ตัดเครื่องผูกทั้งหลาย
เหมือนโคอุสภะสลัดเชือกที่ล่ามไว้จนขาดสะบั้น
ทำลายเถาหัวด้วนเหมือนช้างทำลายเถาหัวด้วนจนแหลกละเอียด L
จึงไม่ต้องกลับมาเกิดอีก
ฝนเอ๋ย หากท่านอยากตกก็เชิญตกลงมาเถิด
[๓๐] (พระสังคีติกาจารย์กล่าวดังนี้)
ทันใดนั่นเอง ฝนห่าใหญ่ได้ตกลงมา
จนน้ำท่วมเต็มทั้งที่ลุ่มและที่ดอน
นายธนิยะเจ้าของโคได้ยินเสียงฝนที่กำลังตกอยู่
ได้กราบทูลเนื้อความดังนี้ว่า
[๓๑] เป็นลาภของพวกข้าพระองค์ไม่น้อยเลย
ที่พวกข้าพระองค์ได้เห็นพระผู้มีพระภาค
ข้าแต่พระองค์ผู้มีพระจักษุ
พวกข้าพระองค์ขอถึงพระองค์เป็นสรณะ
ข้าแต่พระมหามุนี ขอพระองค์ทรงเป็นพระศาสดา
ของพวกข้าพระองค์เถิด
[๓๒] ข้าพระองค์และภรรยามีศรัทธาเชื่อฟังพระองค์
ขอประพฤติพรหมจรรย์ในสำนักของพระสุคต
ข้าพระองค์ทั้งสองขอเป็นผู้ไปถึงฝั่งแห่งชาติและมรณะ
จะเป็นผู้ทำที่สุดแห่งทุกข์ได้
[๓๓] (มารผู้มีบาปกล่าวดังนี้)
คนมีบุตรก็เพลิดเพลินบุตร
เช่นเดียวกับคนมีโคก็เพลิดเพลินโค
เพราะคนมีอุปธิ M เป็นเหตุเพลิดเพลิน
คนที่ไม่มีอุปธิย่อมไม่เพลิดเพลินเลย
[๓๔] (พระผู้มีพระภาคตรัสตอบดังนี้)
คนมีบุตรก็เศร้าโศกเพราะบุตร
เช่นเดียวกับคนมีโคก็เศร้าโศกเพราะโค
เพราะคนมีอุปธิเป็นเหตุเศร้าโศก
คนที่ไม่มีอุปธิ ย่อมไม่เศร้าโศกเลย
ธนิยสูตรที่ ๒ จบ
เชิงอรรถ
A ข้ามไปจนถึงฝั่ง หมายถึงบรรลุพระสัพพัญญุตญาณ (ขุ.สุ.อ. ๑/๒๑/๓๓)
B โลเล หมายถึงความลุ่มหลง ความอยากของสตรี มี ๕ อย่าง
(๑) โลเลในอาหาร (๒) โลเลในเครื่องประดับ
(๓) โลเลในบุรุษอื่น (๔) โลเลในทรัพย์
(๕) โลเลในการเที่ยวเตร่ (ขุ.สุ.อ. ๑/๒๒/๓๓)
C ความชั่ว (บาป) ที่นายธนิยะกล่าวนั้นหมายถึงความประพฤตินอกใจ
(ขุ.สุ.อ. ๑/๒๒/๓๓)
D ความชั่ว ที่พระผู้มีพระภาคตรัสนั้นหมายถึงกายสมาจาร วจีสมาจาร มโนสมาจาร
และอาชีวะที่ไม่บริสุทธิ์(ขุ.สุ.อ. ๑/๒๓/๓๕)
E ความชั่ว ของบุตรธิดาที่นายธนิยะกล่าวนั้น หมายถึงความเป็นโจร
เป็นภรรยาของคนอื่น หรือเป็นผู้ทุศีล(ขุ.สุ.อ. ๑/๒๔/๓๖)
F ไม่เป็นลูกจ้างใคร หมายถึงไม่เป็นทาสแห่งตัณหา (ขุ.สุ.อ. ๑/๒๕/๓๖)
G โครุ่นที่ยังไม่ได้ฝึก ในที่นี้หมายถึงปริยุฏฐานกิเลส (ขุ.สุ.อ. ๑/๒๗/๓๗)
H ลูกโคที่ยังดื่มนม ในที่นี้หมายถึงอนุสัยกิเลส (ขุ.สุ.อ. ๑/๒๗/๓๗)
I แม่โคที่กำลังตั้งครรภ์ ในที่นี้หมายถึงปุญญาภิสังขาร อปุญญาภิสังขาร
และอาเนญชาภิสังขาร (ขุ.สุ.อ.๑/๒๗/๓๗)
J แม่โควัยเจริญพันธุ์ ในที่นี้หมายถึงตัณหา (ขุ.สุ.อ.๑/๒๗/๓๗)
K โคจ่าฝูง ในที่นี้หมายถึงอภิสังขารวิญญาณ (ขุ.สุ.อ.๑/๒๗/๓๗)
L พระองค์ทรงทำลายเถาหัวด้วน คือ โอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ
ด้วยโสดาปัตติมรรค สกทาคามิมรรค และอนาคามิมรรค
เหมือนช้างทำลายเถาหัวด้วน ทรงตัดเครื่องผูกคืออุทธัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ประการ
ด้วยอรหัตตมรรคเหมือนโคอุสภะสลัดเชือก (ขุ.สุ.อ. ๑/๒๙/๓๘)
M อุปธิ หมายถึงกิเลสที่ทำให้ติดอยู่ในวัฏฏสงสารมี ๔ อย่าง คือ
(๑) กามูปธิ (อุปธิคือกาม)
(๒) ขันธูปธิ (อุปธิคือขันธ์)
(๓) กิเลสูปธิ (อุปธิคือกิเลส)
(๔) อภิสังขารูปธิ (อุปธิคืออภิสังขาร) (ขุ.สุ.อ. ๑/๓๓/๔๑)

บาลี



รออัพเดต

อรรถกถา


รออัพเดต

สนทนาธรรม

comments

Got anything to say? Go ahead and leave a comment!