15-248 สุสิมเทพบุตร
พระไตรปิฎก
๒. สุสิมสูตร
ว่าด้วยสุสิมเทพบุตร
[๘๕๕] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของ
อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี ณ ที่นั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งเรียกภิกษุ
ทั้งหลายมาตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย” ภิกษุเหล่านั้นทูลรับสนองพระดำรัสแล้ว
[๘๕๖] พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัสเรื่องนี้ว่า
“ภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว พวกอสูรได้รบกับพวกเทพ ครั้งนั้น
ท้าวสักกะจอมเทพรับสั่งเรียกสุสิมเทพบุตรมาตรัสว่า ‘สุสิมะ พวกอสูรเหล่านี้กำลัง
พากันมารบกับพวกเทพ ท่านจงไปป้องกันพวกอสูรไว้เถิด’ สุสิมเทพบุตรรับพระบัญชา
ของท้าวสักกะจอมเทพแล้วก็เผลอลืมเสีย
แม้ครั้งที่ ๒ ท้าวสักกะจอมเทพรับสั่งเรียกสุสิมเทพบุตรมาตรัส ฯลฯ แล้วก็
เผลอลืมเสีย
แม้ครั้งที่ ๓ ท้าวสักกะจอมเทพรับสั่งเรียกสุสิมเทพบุตรมาตรัสว่า ‘สุสิมะ
พวกอสูรเหล่านี้กำลังพากันมารบกับพวกเทพ ท่านจงไปป้องกันพวกอสูรไว้เถิด’
แม้ครั้งที่ ๓ สุสิมเทพบุตรรับพระบัญชาของท้าวสักกะจอมเทพแล้วก็เผลอลืมเสีย
[๘๕๗] ลำดับนั้น ท้าวสักกะจอมเทพได้ตรัสกับสุสิมเทพบุตรด้วยคาถาว่า
บุคคลไม่ขยัน ไม่พยายาม
แต่ประสบความสุขได้ ณ ที่ใด
สุสิมะ ท่านจงไป ณ ที่นั้น
และจงพาเราไปให้ถึงที่นั้นด้วยเถิด
[๘๕๘] สุสิมเทพบุตรกราบทูลว่า
บุคคลผู้เกียจคร้าน ไม่ขยัน
ทั้งยังไม่ใช้ใคร ๆ ให้ช่วยทำกิจทั้งหลายอีกด้วย
เขาพรั่งพร้อมด้วยกามทุกอย่าง ข้าแต่ท้าวสักกะ
ขอพระองค์จงตรัสบอกฐานะอันประเสริฐนั้น
แก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด
[๘๕๙] ท้าวสักกะตรัสว่า
บุคคลผู้เกียจคร้าน ไม่ขยัน
ประสบความสุขที่สุดได้ ณ ที่ใด
สุสิมะ ท่านจงไป ณ ที่นั้น
และจงพาเราไปให้ถึงที่นั้นด้วยเถิด
[๘๖๐] สุสิมเทพบุตรกราบทูลว่า
ข้าแต่ท้าวสักกะ ผู้ประเสริฐกว่าเทพ
ข้าพระองค์ทั้งหลายจะพึงได้ความสุขใด
โดยไม่ต้องทำการงานเลย ข้าแต่ท้าวสักกะ
ขอพระองค์จงตรัสบอกความสุขอันประเสริฐนั้น
ที่ไม่มีความเศร้าโศก ไม่มีความคับแค้นใจ
แก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด
[๘๖๑] ท้าวสักกะตรัสว่า
ถ้าความสุขจะมีได้โดยไม่ต้องทำการงาน
ไม่ว่าในที่ไหน ๆ ใคร ๆ ก็ดำรงชีพอยู่ไม่ได้
เพราะนั่นเป็นทางแห่งนิพพาน
สุสิมะ ท่านจงไป ณ ที่นั้น
และจงพาเราไปให้ถึงที่นั้นด้วยเถิด
[๘๖๒] ภิกษุทั้งหลาย ก็ท้าวสักกะจอมเทพนั้นอาศัยผลบุญของพระองค์เป็นอยู่
เสวยราชสมบัติอันมีความเป็นใหญ่ยิ่งด้วยความเป็นใหญ่แห่งเทพชั้นดาวดึงส์ ยังมา
พรรณนาคุณแห่งความเพียรคือความขยันได้ ข้อที่พวกเธอบวชในธรรมวินัยที่เรา
กล่าวไว้ดีแล้วอย่างนี้ ขยันหมั่นเพียร พยายามเพื่อบรรลุมรรคผลที่ยังไม่บรรลุ
เพื่อได้มรรคผลที่ยังไม่ได้ เพื่อทำให้แจ้งมรรคผลที่ยังไม่ได้ทำให้แจ้ง นี้จะพึงงดงาม
ในธรรมวินัยนี้โดยแท้”
สุสิมสูตรที่ ๒ จบ
บาลี
สุสิมสุตฺต
[๘๕๕] เอก สมย ภควา สาวตฺถิย วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส
อาราเม ฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ
ภิกฺขโวติ ฯ ภทนฺเตติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุ ฯ
[๘๕๖] ภควา เอตทโวจ ภูตปุพฺพ ภิกฺขเว อสุรา เทเว
อภิยสุ ฯ อถ โข ภิกฺขเว สกฺโก เทวานมินฺโท สุสิม เทวปุตฺต
อามนฺเตสิ เอเต ตาต สุสิม อสุรา เทเว อภิยนฺติ คจฺฉ
ตาต สุสิม อสุเร ปจฺจุยฺยาหีติ ฯ เอว ภทฺทนฺตวาติ โข ภิกฺขเว
สุสิโม เทวปุตฺโต สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ปฏิสฺสุตฺวา ปมาท
อาปาเทสิ ฯ ทุติยมฺปิ โข ภิกฺขเว สกฺโก เทวานมินฺโท สุสิม
เทวปุตฺต อามนฺเตสิ ฯเปฯ ทุติยมฺปิ ปมาท อาปาเทสิ ฯ ตติยมฺปิ
โข ภิกฺขเว สกฺโก เทวานมินฺโท สุสิม เทวปุตฺต อามนฺเตสิ เอเต
ตาต สุสิม อสุรา เทเว อภิยนฺติ คจฺฉ ตาต สุสิม อสุเร
ปจฺจุยฺยาหีติ ฯ เอว ภทฺทนฺตวาติ โข ภิกฺขเว สุสิโม เทวปุตฺโต
สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ปฏิสฺสุตฺวา ตติยมฺปิ ปมาท อาปาเทสิ ฯ
[๘๕๗] อถ โข ภิกฺขเว สกฺโก เทวานมินฺโท สุสิม เทวปุตฺต
คาถาย อชฺฌภาสิ
อนุฏฺห อวายาม สุข ยตฺราธิคจฺฉติ
สุสิม ตตฺถ คจฺฉาหิ มฺจ ตตฺเถว ปาปยาติ ฯ
[๘๕๘] อลสฺวาย อนุฏฺาตา น จ กิจฺจานิ การเย
สพฺพกามสมิทฺธสฺส ต เม สกฺก วร ทิสาติ ฯ
[๘๕๙] ยตฺถาลโส อนุฏฺาตา อจฺจนฺตสุขเมธติ
สุสิม ตตฺถ คจฺฉาหิ มฺจ ตตฺเถว ปาปยาติ ฯ
[๘๖๐] อกมฺมุนา เทวเสฏฺ สกฺก วินฺเทมุ ย สุข
อโสก อนุปายาส ต เม สกฺก วร ทิสาติ ฯ
[๘๖๑] สเจ อตฺถิ อกมฺเมน โกจิ กฺวจิ น ชีวติ
นิพฺพานสฺส หิ โส มคฺโค สุสิม ตตฺถ คจฺฉาหิ
…………….. มฺจ ตตฺเถว ปาปยาติ ฯ
[๘๖๒] โส หิ นาม ภิกฺขเว สกฺโก เทวานมินฺโท สก ปฺุผล
อุปชีวมาโน เทวาน ตาวตึสาน อิสฺสริยาธิปจฺจ รชฺช กาเรนฺโต
อุฏฺานวิริยสฺส วณฺณวาที ภวิสฺสติ ฯ อิธ เขฺวต ภิกฺขเว โสเภถ
ย ตุเมฺห เอว สฺวากฺขาเต ธมฺมวินเย ปพฺพชิตา สมานา
อุฏฺเหยฺยาถ ฆเฏยฺยาถ วายเมยฺยาถ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา
อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยายาติ ฯ
อรรถกถา
อรรถกถาสุสิมสูตร
พึงทราบวินิจฉัยในสุสิมสูตร ที่ ๒ ต่อไปนี้ :-
บทว่า สุสิมํ คือ บุตรองค์หนึ่งมีชื่ออย่างนี้ ในระหว่างบุตรพันองค์
ของท้าวสักกะ.
จบอรรถกถาสุสิมสูตรที่ ๒