15-158 พระสมิทธิ



พระไตรปิฎก


๒. สมิทธิสูตร
ว่าด้วยพระสมิทธิ
[๔๘๒] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ นครศิลาวดี แคว้นสักกะ สมัยนั้น
ท่านพระสมิทธิเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร อุทิศกายและใจอยู่ในที่ใกล้พระผู้มี
พระภาค
ครั้งนั้น ท่านพระสมิทธิหลีกเร้นอยู่ในที่สงัด เกิดความคิดคำนึงอย่างนี้ว่า
“เป็นลาภของเราหนอที่เราได้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระศาสดาของเรา
เป็นลาภของเราหนอที่เราได้บวชในพระธรรมวินัย อันพระศาสดาตรัสไว้ดีแล้วอย่างนี้
เป็นลาภของเราหนอที่เราได้เพื่อนพรหมจารี ผู้มีศีล มีกัลยาณธรรม”
[๔๘๓] ครั้งนั้นมารผู้มีบาปทราบความคิดคำนึงของท่านพระสมิทธิด้วยใจแล้ว
เข้าไปหาท่านพระสมิทธิถึงที่อยู่แล้วทำเสียงดังน่าสะพรึงกลัว น่าหวาดเสียว
ประดุจแผ่นดินจะถล่มณ ที่ใกล้ท่านพระสมิทธิ
[๔๘๔] ลำดับนั้น ท่านพระสมิทธิเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายอภิวาท
แล้วนั่ง ณ ที่สมควร ได้กราบทูลดังนี้ว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เป็นผู้
ไม่ประมาท มีความเพียร อุทิศกายและใจอยู่ในที่ใกล้พระองค์ ณ ที่นี้ ข้าพระองค์
หลีกเร้นอยู่ในที่สงัดเกิดความคิดคำนึงอย่างนี้ว่า ‘เป็นลาภของเราหนอที่เราได้พระ-
อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระศาสดาของเรา เป็นลาภของเราหนอที่เราได้บวช
ในพระธรรมวินัย อันพระศาสดาตรัสไว้ดีแล้วอย่างนี้ เป็นลาภของเราหนอที่เราได้
เพื่อนพรหมจารี ผู้มีศีล มีกัลยาณธรรม’ เสียงดังน่าสะพรึงกลัว น่าหวาดเสียว
ประดุจแผ่นดินจะถล่ม ได้มีแล้วในที่ใกล้ข้าพระองค์”
[๔๘๕] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “สมิทธิ นั่นมิใช่แผ่นดินจะถล่ม นั่นคือมารผู้มีบาป
มาเพื่อลวงให้เธอหลงเข้าใจผิด เธอจงไปเถิดสมิทธิ จงเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร
อุทิศกายและใจอยู่ในที่นั้นเถิด”
ท่านพระสมิทธิรับพระดำรัสแล้วลุกขึ้นจากอาสนะ ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค
กระทำประทักษิณแล้วจากไป
[๔๘๖] แม้ในครั้งที่ ๒ ท่านพระสมิทธิเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร อุทิศกาย
และใจอยู่ในที่นั้นนั่นเอง
แม้ในครั้งที่ ๒ ท่านพระสมิทธิหลีกเร้นอยู่ในที่สงัด เกิดความคิดคำนึง
อย่างนี้ว่า ฯลฯ
แม้ในครั้งที่ ๒ มารผู้มีบาปทราบความคิดคำนึงของท่านพระสมิทธิด้วยใจ
จึงทำเสียงดังน่าสะพรึงกลัว น่าหวาดเสียว ประดุจแผ่นดินจะถล่ม ณ ที่ใกล้ท่าน
พระสมิทธิ
[๔๘๗] ลำดับนั้น ท่านพระสมิทธิทราบว่า “นี้คือมารผู้มีบาป” จึงกล่าวกับมาร
ผู้มีบาปด้วยคาถาว่า
เราออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตด้วยศรัทธา
เรารู้สติและปัญญาแล้ว อนึ่ง จิตก็ตั้งมั่นดีแล้ว
ท่านบันดาลรูปร่างให้น่ากลัวแค่ไหน
ก็ทำให้เราหวั่นไหวไม่ได้
ลำดับนั้น มารผู้มีบาปเป็นทุกข์เสียใจว่า “ภิกษุสมิทธิรู้จักเรา” จึงหายตัวไป
ณ ที่นั้นเอง
สมิทธิสูตรที่ ๒ จบ

บาลี



สมิทฺธิสุตต
[๔๘๒] เอวมฺเม สุต เอก สมย ภควา สกฺเกสุ วิหรติ
สิลาวติย ฯ เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา สมิทฺธิ ภควโต
อวิทูเร อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรติ ฯ อถ โข อายสฺมโต
สมิทฺธิสฺส รโหคตสฺส ปฏิสลฺลลีนสฺส เอว เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ
ลาภา วต เม สุลทฺธ วต เม ยสฺส เม สตฺถา อรห สมฺมาสมฺพุทฺโธ
ลาภา วต เม สุลทฺธ วต เม โยห เอว สฺวากฺขาเต
ธมฺมวินเย ปพฺพชิโต ลาภา วต เม สุลทฺธ วต เม ยสฺส
เม สพฺรหฺมจาริโน ๑ สีลวนฺโต กลฺยาณธมฺมาติ ฯ
[๔๘๓] อถ โข มาโร ปาปิมา อายสฺมโต สมิทฺธิสฺส เจตสา
เจโตปริวิตกฺกมฺาย เยนายสฺมา สมิทฺธิ เตนุปสงฺกมิ อุปสงฺกมิตฺวา
อายสฺมโต สมิทฺธิสฺส อวิทูเร มหนฺต ภยเภรว สทฺทมกาสิ
อปิสฺสุท ปวี มฺเ อุทฺรียตีติ ฯ
[๔๘๔] อถ โข อายสฺมา สมิทฺธิ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ
อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺต อภิวาเทตฺวา เอกมนฺต นิสีทิ ฯ เอกมนฺต
นิสินฺโน โข อายสฺมา สมิทฺธิ ภควนฺต เอตทโวจ อิธาห ภนฺเต
ภควโต อวิทูเร อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรามิ ตสฺส
มยฺห ภนฺเต รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอว เจตโส ปริวิตกฺโก
อุทปาทิ ลาภา วต เม สุลทฺธ วต เม ยสฺส เม สตฺถา
อรห สมฺมาสมฺพุทฺโธ ลาภา วต เม สุลทฺธ วต เม โยห
เอว สฺวากฺขาเต ธมฺมวินเย ปพฺพชิโต ลาภา วต เม สุลทฺธ
วต เม ยสฺส เม สพฺรหฺมจาริโน สีลวนฺโต กลฺยาณธมฺมาติ
ตสฺส มยฺห ภนฺเต อวิทูเร มหาภยเภรวสทฺโท อโหสิ อปิสฺสุท
ปวี มฺเ อุทฺรียตีติ ฯ
[๔๘๕] เนสา สมิทฺธิ ปวี อุทฺรียติ มาโร เอโส ปาปิมา
ตุยฺห วิจกฺขุกมฺมาย อาคโต คจฺฉ ตฺว สมิทฺธิ ตตฺเถว อปฺปมตฺโต
อาตาปี ปหิตตฺโต วิหราหีติ ฯ เอว ภนฺเตติ โข อายสฺมา สมิทฺธิ
ภควโต ปฏิสฺสุตฺวา อุฏฺายาสนา ภควนฺต อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณ
กตฺวา ปกฺกามิ ฯ
[๔๘๖] ทุติยมฺปิ โข อายสฺมา สมิทฺธิ ตตฺเถว อปฺปมตฺโต
อาตาปี ปหิตตฺโต วิหาสิ ฯ ทุติยมฺปิ โข อายสฺมโต สมิทฺธิสฺส
รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส ฯเปฯ ทุติยมฺปิ โข มาโร ปาปิมา
อายสฺมโต สมิทฺธิสฺส เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย ฯเปฯ
อปิสฺสุท ปวี มฺเ อุทฺรียตีติ ฯ
[๔๘๗] อถ โข อายสฺมา สมิทฺธิ มาโร อย ปาปิมา อิติ
วิทิตฺวา มาร ปาปิมนฺต คาถาย อชฺฌภาสิ
สทฺธายาห ปพฺพชิโต อคารสฺมา อนคาริย
สติ ปฺา จ เม พุทฺธา จิตฺตฺจ สุสมาหิต
กาม กรสฺสุ รูปานิ เนว ม พฺยาธยิสฺสสีติ ฯ
อถ โข มาโร ปาปิมา ชานาติ ม สมิทฺธิ ภิกฺขูติ ทุกฺขี ทุมฺมโน
ตตฺเถวนฺตรธายีติ ฯ

******************

๑ โป. สพฺรหฺมจารโย ฯ ยุ. สพฺรหฺมจาริโย ฯ

อรรถกถา


อรรถกถาสมิทธิสูตร
พึงทราบวินิจฉัยในสมิทธิสูตรที่ ๒ ต่อไป:-
บทว่า ลาภา เม กต สุลทฺธํ วต เม ความว่า เป็นลาภของเรา
เราได้ดีแล้ว เพราะเราได้พระศาสดา พระธรรม และเพื่อนพรหมจารีเห็นปาน
นั้น. ได้ยินว่า ท่านสมิทธินั้น ภายหลัง พิจารณามูลกัมมัฏฐานแล้ว ก็ยืด
กัมมัฏฐานที่น่าเลื่อมใสไว้ก่อน ด้วยหมายจะยึดเอาพระอรหัตให้ได้ ระลึกคุณ
ของพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ ให้เกิดความที่จิตเหมาะแล้ว นั่ง
ทำจิตให้ร่าเริงยินดี ด้วยเหตุนั้น ท่านสมิทธินั้นจึงคิดอย่างนี้. บทว่า อุปสงฺกมิ
ความว่า มารคิดว่า พระภิกษุสมิทธินี้ ก็เป็นเช่นเดียวกับ ภิกษุที่นั่งถือกัมมัฏฐาน
ที่น่าเลื่อมใส ตราบใด ยังถือเอาพระอรหัตไม่ได้ ตราบนั้น จำเราจักทำ
อันตรายแก่เธอ ดังนี้ แล้วจึงเข้าไปหา. บทว่า คจฺฉ ตฺวํ ความว่า พระศาสดา
ทรงตรวจดูทั่วชมพูทวีป ทรงพบว่า กัมมัฏฐานจักเป็นสัปปายะสำหรับภิกษุนั้น
ในที่นั้นนั่นแล เพราะฉะนั้น จึงตรัสอย่างนี้. บทว่า สติ ปญฺา จ เม
พุทฺธา ความว่า เรารู้สติและปัญญาของเรา. บทว่า กามํ กรสฺสุ รูปานิ
ได้แก่ ท่านจะทำรูป ที่น่ากลัวแม้มากมาย. บทว่า เนว มํ พฺยาธยิสฺสสิ
ได้แก่ ท่านไม่ทำเราให้หวั่นไหวได้.
จบอรรถกถาสมิทธิสูตรที่ ๒

สนทนาธรรม

comments

Got anything to say? Go ahead and leave a comment!