15-073 ทรัพย์เครื่องปลื้มใจ



พระไตรปิฎก


๓. วิตตสูตร
ว่าด้วยทรัพย์เครื่องปลื้มใจ
[๒๐๒] เทวดาทูลถามว่า
อะไรเล่าเป็นทรัพย์เครื่องปลื้มใจที่ประเสริฐของบุรุษในโลกนี้
อะไรเล่าที่บุคคลประพฤติดีแล้วนำความสุขมาให้
อะไรเล่าเป็นรสที่ดีกว่ารสทั้งหลาย
บุคคลมีความเป็นอยู่อย่างไร นักปราชญ์ทั้งหลาย
จึงกล่าวว่ามีชีวิตประเสริฐ
[๒๐๓] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ศรัทธาเป็นทรัพย์เครื่องปลื้มใจที่ประเสริฐของบุรุษในโลกนี้
ธรรม A ที่บุคคลประพฤติดีแล้วนำความสุขมาให้
สัจจะเท่านั้นเป็นรสที่ดีกว่ารสทั้งหลาย
บุคคลมีความเป็นอยู่ด้วยปัญญา นักปราชญ์ทั้งหลาย
จึงกล่าวว่ามีชีวิตประเสริฐ
วิตตสูตรที่ ๓ จบ
เชิงอรรถ
A ธรรม ในที่นี้หมายถึงกุศลกรรมบถ ๑๐ (สํ.ส.อ. ๑/๗๓/๙๔)

บาลี



วิตฺตสุตฺต
[๒๐๒] กึสูธ วิตฺต ปุริสสฺส เสฏฺ
กึสุ สุจิณฺโณ ๑ สุขมาวหาติ
กึสุ หเว สาธุตร รสาน
กถชีวี ๒ ชีวิตมาหุ เสฏฺนฺติ ฯ
[๒๐๓] สทฺธีธ วิตฺต ปุริสสฺส เสฏฺ
ธมฺโม สุจิณฺโณ สุขมาวหาติ
สจฺจ หเว สาธุตร รสาน
ปฺาชีวี ชีวิตมาหุ เสฏฺนฺติ ฯ

******************

๑ สุจิณฺณนฺติปิ ปาเน ภวิตพฺพ ฯ
๒ ม. กึสุ ชีวี ฯ

อรรถกถา


อรรถกถาวิตตสูตร
พึงทราบวินิจฉัยในวิตตสูตรที่ ๓ ต่อไป :-
บทว่า สทฺธีธ วิตฺตํ แปลว่า ศรัทธาเป็นทรัพย์เครื่องปลื้มใจใน
โลกนี้ อธิบายว่า คนมีศรัทธา ย่อมได้เครื่องปลื้มใจทั้งหลาย แม้มีแก้วมุกดา
เป็นต้น บุคคลถึงซึ่งกุลสัมปทา (คือการถึงพร้อมด้วยสกุล) ๓ กามสวรรค์ ๖
พรหมโลก ๙ แล้วในที่สุดย่อมได้แม้การเห็นอมตมหานิพพาน เพราะเหตุนั้น
ศรัทธาเป็นทรัพย์เครื่องปลื้มใจอันประเสริฐยิ่งกว่าทรัพย์เครื่องปลื้มใจอันมี
แก้วมณีและแก้วมุกดาเป็นต้น. บทว่า ธมฺโม ได้แก่ กุศลกรรมบถ ๑๐.
บทว่า สุขมาวหาติ แปลว่า นำความสุขมาให้ คือว่า ย่อมนำซึ่งอาสวะ
ออกไปจากผู้มีสัพพอาสวะ ให้มีความสุข ปราศจากเครื่องเศร้าหมอง. บทว่า
สาธุตรํ แปลว่า รสดียิ่งกว่า คือว่า สัจจะ (ความจริง) เท่านั้น เป็นรส
ดีกว่ารสทั้งปวงอันมีรสเค็มและรสเปรี้ยวเป็นต้น อธิบายว่า บุคคลตั้งอยู่ใน
สัจจะ ย่อมยังแม้แม่น้ำอันไหลเชี่ยวให้ไหลกลับได้ ย่อมนำพิษร้าย
ออกได้ ย่อมห้ามแม้ไฟ ย่อมยังฝนให้ตกก็ได้ เพราะฉะนั้น พระผู้มี
พระภาคเจ้าจึงตรัสว่า สัจจะนั้นเป็นรสดี ยิ่งกว่ารสทั้งปวง ดังนี้.
บทว่า ปญฺาชีวี ชีวิตมาหุ เสฏฺํ แปลว่า คนที่เป็นอยู่ด้วย
ปัญญานักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวว่ามีชีวิตประเสริฐ ความว่า บุคคลใดเป็นอยู่
ด้วยปัญญา เป็นคฤหัสถ์ย่อมดำรงอยู่ในศีล ๕ เริ่มตั้งสลากภัตเป็นต้น จึงชื่อว่า
เป็นอยู่ด้วยปัญญา หรือว่าเป็นบรรพชิต เมื่อปัจจัยเกิดขึ้นแล้วโดยธรรม ก็
ย่อมพิจารณาสิ่งที่มีอยู่นี้แล้วจึงบริโภค ถือเอากรรมฐาน เริ่มตั้งวิปัสสนา ชื่อว่า
เป็นอยู่ด้วยปัญญา เพราะสามารถบรรลุอริยผลได้ ด้วยเหตุนั้น นักปราชญ์
ทั้งหลายจึงกล่าวว่า บุคคลผู้เป็นอยู่ด้วยปัญญานั้น มีชีวิตเป็นอยู่อันประเสริฐ
ดังนี้แล.
จบอรรถกถาวิตตสูตรที่ ๓

สนทนาธรรม

comments

Got anything to say? Go ahead and leave a comment!