01-283 ขัณฑจักร



พระไตรปิฎก


ขัณฑจักร
ปฐมฌานและทุติยฌาน
{๒๕๕} [๒๐๘] ภิกษุกล่าวเท็จทั้งที่รู้ว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและทุติยฌานแล้ว
ด้วยอาการ ๓ อย่าง … ข้าพเจ้าเข้าอยู่ … ข้าพเจ้าเป็นผู้เข้าแล้ว … ข้าพเจ้าเป็นผู้ได้
ปฐมฌานและทุติยฌาน … ข้าพเจ้าเป็นผู้ชำนาญ … ข้าพเจ้าทำปฐมฌานและ
ทุติยฌานให้แจ้งแล้ว … ต้องอาบัติปาราชิก ฯลฯ
ปฐมฌานและตติยฌาน
ภิกษุกล่าวเท็จทั้งที่รู้ว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและตติยฌานแล้ว ด้วยอาการ
๓ อย่าง … ข้าพเจ้าเข้าอยู่ … ข้าพเจ้าเป็นผู้เข้าแล้ว … ข้าพเจ้าเป็นผู้ได้ปฐมฌาน
และตติยฌาน … ข้าพเจ้าเป็นผู้ชำนาญ … ข้าพเจ้าทำปฐมฌานและตติยฌานให้แจ้ง
แล้ว … ต้องอาบัติปาราชิก ฯลฯ
ปฐมฌานและจตุตถฌาน
ภิกษุกล่าวเท็จทั้งที่รู้ว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและจตุตถฌานแล้ว ด้วยอาการ
๓ อย่าง … ข้าพเจ้าเข้าอยู่ … ข้าพเจ้าเป็นผู้เข้าแล้ว … ข้าพเจ้าเป็นผู้ได้ปฐมฌาน
และจตุตถฌาน … ข้าพเจ้าเป็นผู้ชำนาญ … ข้าพเจ้าทำปฐมฌานและจตุตถฌานให้
แจ้งแล้ว … ต้องอาบัติปาราชิก ฯลฯ
ปฐมฌานกับสุญญตวิโมกข์ อนิมิตตวิโมกข์และอัปปณิหิตวิโมกข์
{๒๕๖} ภิกษุกล่าวเท็จทั้งที่รู้ว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและสุญญตวิโมกข์แล้ว ด้วย
อาการ ๓ อย่าง ฯลฯ ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและอนิมิตตวิโมกข์ ฯลฯ ปฐมฌานและ
อัปปณิหิตวิโมกข์แล้ว … ข้าพเจ้าเข้าอยู่ … ข้าพเจ้าเป็นผู้เข้าแล้ว … ข้าพเจ้าเป็นผู้
ได้ปฐมฌานและอัปปณิหิตวิโมกข์ … ข้าพเจ้าเป็นผู้ชำนาญ … ข้าพเจ้าทำปฐมฌาน
และอัปปณิหิตวิโมกข์ให้แจ้งแล้ว … ต้องอาบัติปาราชิก ฯลฯ
ปฐมฌานกับสุญญตสมาธิ อนิมิตตสมาธิและอัปปณิหิตสมาธิ
{๒๕๗} ภิกษุกล่าวเท็จทั้งที่รู้ว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและสุญญตสมาธิแล้ว ด้วย
อาการ ๓ อย่าง ฯลฯ ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและอนิมิตสมาธิ ฯลฯ ปฐมฌานและ
อัปปณิหิตสมาธิแล้ว … ข้าพเจ้าเข้าอยู่ … ข้าพเจ้าเป็นผู้เข้าแล้ว … ข้าพเจ้าเป็นผู้ได้
ปฐมฌานและอัปปณิหิตสมาธิ … ข้าพเจ้าเป็นผู้ชำนาญ … ข้าพเจ้าทำปฐมฌานและ
อัปปณิหิตสมาธิให้แจ้งแล้ว … ต้องอาบัติปาราชิก ฯลฯ
ปฐมฌานกับสุญญตสมาบัติ อนิมิตตสมาบัติและอัปปณิหิตสมาบัติ
{๒๕๘} ภิกษุกล่าวเท็จทั้งที่รู้ว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและสุญญตสมาบัติแล้ว ด้วย
อาการ ๓ อย่าง ฯลฯ ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและอนิมิตตสมาบัติ ฯลฯ ปฐมฌาน
และอัปปณิหิตสมาบัติแล้ว … ข้าพเจ้าเข้าอยู่ … ข้าพเจ้าเป็นผู้เข้าแล้ว … ข้าพเจ้า
เป็นผู้ได้ปฐมฌานและอัปปณิหิตสมาบัติ … ข้าพเจ้าเป็นผู้ชำนาญ … ข้าพเจ้าทำ
ปฐมฌานและอัปปณิหิตสมาบัติให้แจ้งแล้ว … ต้องอาบัติปาราชิก ฯลฯ
ปฐมฌานและวิชชา ๓
{๒๕๙} ภิกษุกล่าวเท็จทั้งที่รู้ว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและวิชชา ๓ แล้ว ด้วยอาการ ๓
อย่าง … ข้าพเจ้าเข้าอยู่ … ข้าพเจ้าเป็นผู้เข้าแล้ว … ข้าพเจ้าเป็นผู้ได้ปฐมฌานและ
วิชชา ๓ … ข้าพเจ้าเป็นผู้ชำนาญ … ข้าพเจ้าทำปฐมฌานและวิชชา ๓ ให้แจ้งแล้ว …
ต้องอาบัติปาราชิก ฯลฯ
ปฐมฌานกับสติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ และอิทธิบาท ๔
{๒๖๐} ภิกษุกล่าวเท็จทั้งที่รู้ว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและสติปัฏฐาน ๔ แล้ว ด้วย
อาการ ๓ อย่าง ฯลฯ ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและสัมมัปปธาน ๔ ฯลฯ ปฐมฌาน
และอิทธิบาท ๔ แล้ว … ข้าพเจ้าเข้าอยู่ … ข้าพเจ้าเป็นผู้เข้าแล้ว … ข้าพเจ้าเป็นผู้
ได้ปฐมฌานและอิทธิบาท ๔ … ข้าพเจ้าเป็นผู้ชำนาญ … ข้าพเจ้าทำปฐมฌานและ
อิทธิบาท ๔ ให้แจ้งแล้ว … ต้องอาบัติปาราชิก ฯลฯ
ปฐมฌานกับอินทรีย์ ๕ และพละ ๕
{๒๖๑} ภิกษุกล่าวเท็จทั้งที่รู้ว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและอินทรีย์ ๕ แล้ว ด้วยอาการ
๓ อย่าง ฯลฯ ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและพละ ๕ แล้ว … ข้าพเจ้าเข้าอยู่ … ข้าพเจ้า
เป็นผู้เข้าแล้ว … ข้าพเจ้าเป็นผู้ได้ปฐมฌานและพละ ๕ … ข้าพเจ้าเป็นผู้ชำนาญ …
ข้าพเจ้าทำปฐมฌานและพละ ๕ ให้แจ้งแล้ว … ต้องอาบัติปาราชิก ฯลฯ
ปฐมฌานกับโพชฌงค์ ๗
{๒๖๒} [๒๐๙] ภิกษุกล่าวเท็จทั้งที่รู้ว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและโพชฌงค์ ๗ แล้ว
ด้วยอาการ ๓ อย่าง … ข้าพเจ้าเข้าอยู่ … ข้าพเจ้าเป็นผู้เข้าแล้ว … ข้าพเจ้าเป็นผู้ได้
ปฐมฌานและโพชฌงค์ ๗ … ข้าพเจ้าเป็นผู้ชำนาญ … ข้าพเจ้าทำปฐมฌานและ
โพชฌงค์ ๗ ให้แจ้งแล้ว … ต้องอาบัติปาราชิก ฯลฯ
ปฐมฌานกับอริยมรรคมีองค์ ๘
{๒๖๓} ภิกษุกล่าวเท็จทั้งที่รู้ว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและอริยมรรคมีองค์ ๘ …
ข้าพเจ้าเข้าอยู่ … ข้าพเจ้าเป็นผู้เข้าแล้ว … ข้าพเจ้าเป็นผู้ได้ปฐมฌานและอริยมรรค
มีองค์ ๘ … ข้าพเจ้าเป็นผู้ชำนาญ … ข้าพเจ้าทำปฐมฌานและอริยมรรคมีองค์ ๘
ให้แจ้งแล้ว … ต้องอาบัติปาราชิก ฯลฯ
ปฐมฌานกับโสดาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผลและอรหัตตผล
{๒๖๔} ภิกษุกล่าวเท็จทั้งที่รู้ว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและโสดาปัตติผลแล้ว ด้วยอาการ
๓ อย่าง ฯลฯ ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและสกทาคามิผล ฯลฯ ปฐมฌานและอนาคามิผล
ฯลฯ ปฐมฌานและอรหัตตผลแล้ว … ข้าพเจ้าเข้าอยู่ … ข้าพเจ้าเป็นผู้เข้าแล้ว …
ข้าพเจ้าเป็นผู้ได้ปฐมฌานและอรหัตตผล … ข้าพเจ้าเป็นผู้ชำนาญ … ข้าพเจ้าทำ
ปฐมฌานและอรหัตตผลให้แจ้งแล้ว … ต้องอาบัติปาราชิก ฯลฯ
ปฐมฌานกับการสละราคะ โทสะและโมหะ
{๒๖๕} ภิกษุกล่าวเท็จทั้งที่รู้ว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานแล้ว ด้วยอาการ ๓ อย่าง
…ข้าพเจ้าเข้าอยู่ … ข้าพเจ้าเป็นผู้เข้าแล้ว … ข้าพเจ้าเป็นผู้ได้ปฐมฌาน
…ข้าพเจ้าเป็นผู้ชำนาญ … ข้าพเจ้าทำปฐมฌานให้แจ้งแล้ว …
และข้าพเจ้าสละราคะแล้ว ฯลฯ ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานแล้ว ฯลฯ
และข้าพเจ้าสละโทสะแล้ว ฯลฯ ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานแล้ว ฯลฯ
และข้าพเจ้าสละ คาย พ้น ละ สลัด เพิก ถอนโมหะขึ้นแล้ว …
ต้องอาบัติปาราชิก ฯลฯ
ปฐมฌานกับภาวะที่จิตปลอดจากราคะ โทสะและโมหะ
{๒๖๖} ภิกษุกล่าวเท็จทั้งที่รู้ว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานแล้ว ด้วยอาการ ๓ อย่าง …
ข้าพเจ้าเข้าอยู่ … ข้าพเจ้าเป็นผู้เข้าแล้ว … ข้าพเจ้าเป็นผู้ได้ปฐมฌาน … ข้าพเจ้า
เป็นผู้ชำนาญ … ข้าพเจ้าทำปฐมฌานให้แจ้งแล้ว … และจิตของข้าพเจ้าปลอดจาก
ราคะ … จิตของข้าพเจ้าปลอดจากโทสะ … จิตของข้าพเจ้าปลอดจากโมหะ ด้วย
อาการ ๓ อย่าง ฯลฯ ด้วยอาการ ๗ อย่าง คือ
(๑) เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ
(๒) กำลังกล่าว ก็รู้ว่ากำลังกล่าวเท็จ
(๓) ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว
(๔) อำพรางความเห็น
(๕) อำพรางความเห็นชอบ
(๖) อำพรางความพอใจ
(๗) อำพรางความประสงค์ ต้องอาบัติปาราชิก
ขัณฑจักร จบ

บาลี



รออัพเดต

อรรถกถา


รออัพเดต

สนทนาธรรม

comments

Comments are closed.