26-394 คาถาของพระปาราปริยเถระ



พระไตรปิฎก


๑๐. ปาราปริยเถรคาถา
ภาษิตของพระปาราปริยเถระ

(พระสังคีติกาจารย์ทั้งหลายรจนาคาถานี้ว่า)
[๙๒๐] พระปาราปริยเถระผู้เป็นสมณะ
มีจิตแน่วแน่เป็นอารมณ์เดียว
ชอบสงัด นั่งเจริญฌานอยู่ในป่าใหญ่
ในฤดูดอกไม้ผลิ ได้มีความคิดว่า
[๙๒๑] เมื่อพระโลกนาถซึ่งเป็นบุรุษผู้สูงสุด ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่
ความประพฤติของภิกษุทั้งหลายได้เป็นอย่างหนึ่ง
บัดนี้ เมื่อพระองค์เสด็จปรินิพพานแล้ว
ย่อมปรากฏเป็นอีกอย่างหนึ่ง
[๙๒๒] ภิกษุทั้งหลายแต่ปางก่อน สันโดษด้วยปัจจัยตามมีตามได้
ได้นุ่งห่มผ้าเป็นปริมณฑลเพียงเพื่อจะป้องกันความหนาวความ
ร้อนและลม ปกปิดอวัยวะที่จะให้เกิดความละอายเท่านั้น
[๙๒๓] ได้ขบฉันอาหารประณีตก็ตาม เศร้าหมองก็ตาม
น้อยก็ตาม มากก็ตาม เพียงเพื่อยังอัตภาพให้เป็นไปได้ ไม่ติด
ไม่พัวพัน
[๙๒๔] ไม่ได้ขวนขวายจนเกินไปในยาแก้ไข้
ซึ่งเป็นบริขารเครื่องรักษาชีวิต เหมือนขวนขวายในความสิ้นอาสวะ
[๙๒๕] พอกพูนวิเวก มุ่งแต่วิเวก
อยู่ในป่า โคนต้นไม้ ซอกเขา และถ้ำ
[๙๒๖] อ่อนน้อม มีศรัทธาตั้งมั่น เลี้ยงง่าย อ่อนโยน
มีใจไม่กระด้าง ไม่ปราศจากสติ ไม่ปากร้าย
ไฝ่คิดแต่ประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่นเป็นสำคัญ
[๙๒๗] เพราะเหตุนั้น ภิกษุแต่ปางก่อนเหล่านั้น
มีความประพฤติทางกายและทางวาจา
การบริโภคปัจจัยการส้องเสพโคจร
และมีอิริยาบถละมุนละไม น่าเลื่อมใส
เหมือนสายน้ำมันที่ไหลออกจากภาชนะไม่ขาดสาย
[๙๒๘] บัดนี้ ท่านเหล่านั้น สิ้นอาสวะหมดแล้ว
มักเจริญฌานเป็นอันมาก
ประกอบด้วยประโยชน์มาก
เป็นพระเถระ นิพพานแล้ว
เดี๋ยวนี้ท่านเช่นนั้นยังเหลืออยู่จำนวนน้อย
[๙๒๙] เพราะกุศลธรรมและปัญญาสิ้นไป
คำสอนของพระชินเจ้าซึ่งประกอบด้วยสภาวะอันประเสริฐ
ทุกอย่างก็เลือนหายไป
[๙๓๐] เวลาที่บาปธรรมและกิเลสกำลังเฟื่องฟู
ส่วนเหล่าภิกษุที่มุ่งมั่นเพื่อความสงบสงัด
ชื่อว่าเป็นผู้มีพระสัทธรรมที่เหลือเป็นข้อปฏิบัติ
[๙๓๑] กิเลสเหล่านั้นเฟื่องฟูอยู่
ก็ย่อมครอบงำชนผู้โง่เขลาเป็นจำนวนมาก
เหมือนจะเยาะเย้ยเล่นกับเหล่าชนผู้โง่เขลา
ดุจปีศาจเข้าสิงผู้คนทำให้บ้า
แล้วเล่นกับพวกเขาที่บ้าแล้ว
[๙๓๒] คนที่ยังโง่เขลาเหล่านั้น ถูกกิเลสครอบงำ
จึงพล่านไปในวัตถุเป็นที่ตั้งแห่งกิเลส
ตามส่วนแห่งอารมณ์นั้น ๆ
เหมือนพล่านไปหาสิ่งที่ตนใคร่ ที่เขาเชิญชวนไว้ ฉะนั้น
[๙๓๓] ละพระสัทธรรมแล้ว ทะเลาะกันเอง
ยึดถือเอาความเห็นของตน สำคัญว่า นี้เท่านั้น ประเสริฐ
[๙๓๔] นรชนทั้งหลาย ละทิ้งทรัพย์สมบัติ
และบุตรภรรยาออกบวชแล้ว
ย่อมพากันทำกรรมที่บรรพชิตไม่ควรทำ
แม้เพราะเหตุแห่งภิกษาทัพพีเดียว
[๙๓๕] พวกเธอฉันภัตตาหารเต็มอิ่มแล้ว
เมื่อนอนก็นอนหงาย
ตื่นแล้ว กล่าวแต่ถ้อยคำที่พระศาสดาทรงตำหนิติเตียน
[๙๓๖] ภายในไม่สงบ สนใจศึกษาแต่ศิลปะ
ที่ชาวบ้านทั่วไปศึกษากัน
ประโยชน์แห่งความเป็นสมณะ
ย่อมล่วงเลยพวกเธอไปเสีย
[๙๓๗] ภิกษุทั้งหลายที่มุ่งหวังจะได้มาก ๆ
จึงน้อมสิ่งของเข้าไปให้พวกคฤหัสถ์ คือ
ดินเหนียวบ้าง น้ำมันบ้าง จุณเจิมบ้าง
น้ำบ้าง ที่นั่งที่นอนบ้าง อาหารบ้าง
[๙๓๘] ไม้สีฟันบ้าง ผลมะขวิดบ้าง
ดอกไม้บ้าง ของควรเคี้ยวบ้าง บิณฑบาตที่สมบูรณ์ด้วยกับบ้าง
ผลมะม่วงบ้าง ผลมะขามป้อมบ้าง
[๙๓๙] ย่อมปฏิบัติตนในการประกอบยา
เพื่อพวกคฤหัสถ์เหมือนหมอ
ทำกิจน้อยใหญ่เหมือนคฤหัสถ์
ตกแต่งร่างกายเหมือนหญิงแพศยา
วางตัวเป็นใหญ่เหมือนกษัตริย์
[๙๔๐] ใช้อุบายมากอย่าง คือ ทำให้คนหลงเชื่อ
หลอกลวง เป็นพยานเท็จ
ใช้เล่ห์เหลี่ยมต่าง ๆ บริโภคอามิส
[๙๔๑] มุ่งแต่จะเป็นอยู่ จึงแล่นไปตาม(บาปธรรม)
ในการพูดเลียบเคียง อ้อมค้อมใช้โวหารเล็กน้อย
ใช้อุบาย รวบรวมทรัพย์ให้ได้มาก ๆ
[๙๔๒] ย่อมให้ผู้คนบำรุงบำเรอตน เพราะงานตนเป็นเหตุ
แต่มิใช่เพราะธรรมเป็นเหตุ
แสดงธรรมตามที่ต่าง ๆ เพราะเห็นแก่ลาภเป็นเหตุ
แต่มิใช่เพราะเห็นแก่ประโยชน์(สูงสุด)เป็นเหตุ
[๙๔๓] ทะเลาะวิวาทกันเพราะเหตุแห่งลาภที่เกิดในสงฆ์
เหินห่างจากพระอริยสงฆ์
เลี้ยงชีพด้วยอาศัยลาภของผู้อื่น ไม่มีหิริ ไม่ละอายเลย
[๙๔๔] จริงอย่างนั้น ภิกษุบางพวก ซึ่งไม่ประพฤติตามสมณธรรม
เป็นเพียงคนหัวโล้น คลุมร่างไว้ด้วยผ้ากาสาวพัสตร์
ปรารถนาแต่การยกย่องสรรเสริญฝ่ายเดียว ยังติดลาภสักการะ
[๙๔๕] เมื่อธรรมที่เป็นเครื่องทำลายมีประการต่าง ๆ
เป็นไปอยู่อย่างนี้ เดี๋ยวนี้
การบรรลุฌานและวิปัสสนาที่ยังไม่ได้บรรลุ
หรือการคอยตามรักษาฌานและวิปัสสนาที่บรรลุแล้ว
มิใช่ทำได้ง่าย ๆ เหมือนอย่างเมื่อพระศาสดา
ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่
[๙๔๖] มุนี พึงตั้งสติให้มั่น เที่ยวไปในหมู่บ้าน
เหมือนคนไม่สวมรองเท้า เที่ยวไปในที่มีหนาม
[๙๔๗] พระโยคีเมื่อระลึกถึงวิปัสสนาที่ปรารภในกาลก่อนแล้ว
ระลึกถึงข้อสำหรับภาวนาวิธีเหล่านั้นอยู่
แม้จะถึงเวลาสุดท้ายแห่งชีวิต
ก็พึงบรรลุอมตบทให้ได้
(พระสังคีติกาจารย์ หวังจะประกาศการปรินิพพานของพระเถระ จึงได้กล่าว
ภาษิตสุดท้ายนี้ว่า)
[๙๔๘] พระปาราปริยเถระ ผู้เป็นสมณะ
อบรมอินทรีย์แล้ว เป็นพราหมณ์
แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ สิ้นภพใหม่
ครั้นกล่าววิธีปฏิบัตินี้แล้ว ก็ได้ปรินิพพานในสาลวัน

บาลี



รออัพเดต

อรรถกถา


รออัพเดต

สนทนาธรรม

comments

Got anything to say? Go ahead and leave a comment!