25-528 การลุกขึ้นนั่งสมาธิ
พระไตรปิฎก
๑๐. อุฏฐานสูตร
ว่าด้วยการลุกขึ้นนั่งสมาธิ
(พระผู้มีพระภาคตรัสเตือนภิกษุทั้งหลายดังนี้)
{๓๒๗} [๓๓๔] เธอทั้งหลายจงลุกขึ้นเถิด A จงนั่งเถิด B
ความหลับจะมีประโยชน์อะไรแก่เธอทั้งหลาย
ผู้เร่าร้อนด้วยโรคคือกิเลสมีประการต่าง ๆ
ถูกลูกศรคือราคะเป็นต้นทิ่มแทงจนย่อยยับอยู่
[๓๓๕] เธอทั้งหลายจงลุกขึ้นเถิด จงนั่งเถิด
จงบากบั่นขยันศึกษาปฏิบัติเพื่อบรรลุสันติธรรม C กันเถิด
อย่าให้มัจจุราชรู้ว่า เธอทั้งหลายมัวแต่ประมาทลุ่มหลง
แล้วบังคับให้หลงใหลอยู่ในอำนาจเลย
[๓๓๖] เธอทั้งหลายจงข้ามตัณหาที่ชื่อว่า วิสัตติกา
ซึ่งเป็นเหตุให้เทวดาและมนุษย์
ผู้ยังมีความต้องการยึดติดอยู่
ขณะอย่าได้ล่วงเลยเธอทั้งหลายไปเสีย D
เพราะเหล่าชนที่ปล่อยให้ขณะล่วงเลยไป
ย่อมแออัดกันในนรก เศร้าโศกอยู่
[๓๓๗] ความประมาทเป็นดุจธุลี
ความประมาทที่เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็จัดเป็นดุจธุลี
กุลบุตรผู้เป็นบัณฑิตควรถอนลูกศรคือกิเลสของตน
ด้วยความไม่ประมาทและด้วยวิชชา
อุฏฐานสูตรที่ ๑๐ จบ
เชิงอรรถ
A จงลุกขึ้น หมายถึงลุกจากอาสนะ จงเพียรพยายามอย่าเกียจคร้าน
(ขุ.สุ.อ. ๒/๓๓๔/๑๕๓)
B จงนั่ง หมายถึงนั่งคู้บัลลังก์ เพื่อปฏิบัติกัมมัฏฐาน (ขุ.สุ.อ. ๒/๓๓๔/๑๕๓)
C สันติธรรม มี ๓ ประการ คือ
(๑) อัจจันตสันติ(ความสงบอย่างสิ้นเชิง)
(๒) ตทังคสันติ(ความสงบด้วยองค์นั้น ๆ)
(๓) สัมมุติสันติ(ความสงบโดยสมมติ)
แต่ในที่นี้หมายถึงอัจจันตสันติ กล่าวคือนิพพาน (ขุ.สุ.อ. ๒/๓๓๕/๑๕๔)
D ขณะอย่าได้ล่วงเลยเธอทั้งหลายไปเสีย ในที่นี้หมายถึงอย่าปล่อยให้โอกาส
หรือเวลาแห่งการบำเพ็ญสมณธรรมผ่านไป (ขุ.สุ.อ. ๒/๓๓๖/๑๕๕)
บาลี
รออัพเดต
อรรถกถา
รออัพเดต