15-197 กสิภารทวาชพราหมณ์



พระไตรปิฎก


๑. กสิภารทวาชสูตร
ว่าด้วยกสิภารทวาชพราหมณ์
[๖๗๑] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ หมู่บ้านพราหมณ์ชื่อเอกนาลา
ทักขิณาคีรีชนบท แคว้นมคธ สมัยนั้น กสิภารทวาชพราหมณ์ประกอบไถจำนวน
๕๐๐ ในฤดูหว่านข้าว
[๖๗๒] ครั้นเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงครองอันตรวาสก ถือบาตร
และจีวร เสด็จเข้าไปยังที่ทำการงานของกสิภารทวาชพราหมณ์
สมัยนั้น กสิภารทวาชพราหมณ์กำลังเลี้ยงอาหารกันอยู่ ครั้งนั้น พระผู้มี
พระภาคเสด็จเข้าไปยังสถานที่เลี้ยงอาหารของเขาแล้วประทับยืนอยู่ ณ ที่สมควร
กสิภารทวาชพราหมณ์ได้เห็นพระผู้มีพระภาคประทับยืนบิณฑบาตอยู่ ได้กราบทูล
ดังนี้ว่า “ข้าแต่พระสมณะ ข้าพระองค์ไถและหว่าน ครั้นไถและหว่านแล้ว จึงบริโภค
ข้าแต่พระสมณะ แม้พระองค์ก็จงไถและหว่าน ครั้นไถและหว่านแล้ว จงบริโภคเถิด”
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “พราหมณ์ แม้เราก็ไถและหว่านเหมือนกัน ครั้นไถ
และหว่านแล้วก็บริโภค”
กสิภารทวาชพราหมณ์กราบทูลว่า “ข้าพระองค์ไม่เห็นแอก ไถ ผาล ประตัก
หรือโคพลิพัททั้งหลายของท่าน เมื่อเป็นเช่นนี้ พระโคดมผู้เจริญยังกล่าวอย่างนี้ว่า
‘พราหมณ์ แม้เราก็ไถและหว่าน ครั้นไถและหว่านแล้วก็บริโภค”
[๖๗๓] ครั้งนั้น กสิภารทวาชพราหมณ์ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า
พระองค์ยืนยันว่าเป็นชาวนา
แต่ข้าพระองค์ไม่เห็นการไถของพระองค์
พระองค์ผู้เป็นชาวนา ข้าพระองค์ถามแล้วขอจงตรัสบอก
ข้าพระองค์จะรู้การไถของพระองค์นั้นได้อย่างไร
[๖๗๔] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ศรัทธาเป็นพืช ความเพียรเป็นฝน
ปัญญาของเราเป็นแอกและไถ หิริเป็นงอนไถ
ใจเป็นเชือก สติของเราเป็นผาลและประตัก
เราคุ้มครองกาย คุ้มครองวาจาได้แล้ว
สำรวมในการบริโภคอาหาร
เราดายหญ้า [คือวาจาสับปลับ] ด้วยคำสัตย์
โสรัจจะของเราช่วยทำงานให้สำเร็จ
ความเพียรของเราช่วยนำธุระไปให้ถึงความเกษมจากโยคะ
นำไปไม่ถอยหลัง นำไปถึงที่ ซึ่งบุคคลไปแล้วไม่เศร้าโศก
เราทำนาอย่างนี้ นาที่เราทำนั้นมีผลเป็นอมตะ A
บุคคลครั้นทำนาอย่างนี้แล้ว ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวง
กสิภารทวาชพราหมณ์กราบทูลว่า “พระโคดมผู้เจริญ ผู้เป็นชาวนา ขอจง
บริโภคผลที่เป็นอมตะที่ท่านไถเถิด”
[๖๗๕] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
การที่เรากล่าวคาถามิใช่เพื่ออาหาร
พราหมณ์ นี้ไม่ใช่ธรรมเนียมของผู้เห็นธรรม
พระพุทธเจ้าทั้งหลายไม่รับอาหารที่ได้มาเพราะการกล่าวคาถา
พราหมณ์ เมื่อธรรมเนียมมีอยู่ จึงมีการประพฤติอย่างนี้
ท่านจงบำรุงด้วยข้าวและน้ำ และด้วยปัจจัยอื่น
แก่พระขีณาสพ ผู้ประกอบด้วยคุณทั้งปวง
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ ผู้มีความคะนองอันสงบแล้ว
เพราะศาสนานั้นเป็นเขตบุญของผู้แสวงบุญ B
[๖๗๖] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว กสิภารทวาชพราหมณ์ได้กราบทูลพระผู้
มีพระภาคดังนี้ว่า “ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ พระภาษิตของพระองค์ชัดเจนไพเราะยิ่งนัก
ฯลฯ ข้าพระองค์นี้ขอถึงพระโคดมผู้เจริญ พร้อมทั้งพระธรรมและพระสงฆ์เป็นสรณะ
ขอพระโคดมผู้เจริญโปรดทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะ ตั้งแต่วันนี้
เป็นต้นไปจนตลอดชีวิต”
กสิภารทวาชสูตรที่ ๑ จบ
เชิงอรรถ
A อมตะ ในที่นี้หมายถึงนิพพาน (สํ.ส.อ. ๑/๑๙๗/๒๔๓)
B ดูเทียบคาถาข้อ ๑๙๔ หน้า ๒๗๔-๒๗๕ ในเล่มนี้

บาลี

อรรถกถา

สนทนาธรรม

comments

Got anything to say? Go ahead and leave a comment!