15-171 วชิราภิกษุณี



พระไตรปิฎก


๑๐. วชิราสูตร
ว่าด้วยวชิราภิกษุณี
[๕๕๒] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถ-
บิณฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี ครั้นเวลาเช้า วชิราภิกษุณีครองอันตรวาสก ถือบาตร
และจีวร เข้าไปบิณฑบาตยังกรุงสาวัตถี กลับจากบิณฑบาต ภายหลังจากฉัน
ภัตตาหารเสร็จแล้ว เข้าไปยังป่าอันธวันเพื่อพักกลางวัน ถึงป่าอันธวันแล้ว จึงนั่งพัก
กลางวันที่โคนต้นไม้แห่งหนึ่ง
[๕๕๓] ลำดับนั้น มารผู้มีบาปประสงค์จะให้วชิราภิกษุณีเกิดความกลัว ความหวาด
สะดุ้ง ความขนพองสยองเกล้า และประสงค์จะให้เคลื่อนจากสมาธิ จึงเข้าไปหา
วชิราภิกษุณีถึงที่นั่งพักแล้วได้กล่าวกับวชิราภิกษุณีด้วยคาถาว่า
ใครสร้างสัตว์นี้ ผู้สร้างสัตว์อยู่ที่ไหน
สัตว์เกิดขึ้นที่ไหน สัตว์ดับที่ไหน
[๕๕๔] ลำดับนั้น วชิราภิกษุณีได้มีความคิดดังนี้ว่า “นี่ใครหนอมากล่าวคาถา จะเป็น
มนุษย์หรืออมนุษย์กันแน่” ทันใดนั้น วชิราภิกษุณีได้มีความคิดดังนี้อีกว่า “นี่คือมาร
ผู้มีบาป ประสงค์จะให้เราเกิดความกลัว ความหวาดสะดุ้ง ความขนพองสยองเกล้า
และประสงค์จะให้เคลื่อนจากสมาธิ จึงกล่าวคาถา”
ครั้งนั้นแล วชิราภิกษุณีทราบว่า “นี่คือมารผู้มีบาป” จึงได้กล่าวกับมาร
ผู้มีบาปด้วยคาถาว่า
มารเอ๋ย ทิฏฐิของเจ้าเชื่อว่าอะไรเป็นสัตว์
กองแห่งสังขารล้วน ๆ นี้
บัณฑิตจะเรียกว่าสัตว์ไม่ได้เลย
เมื่อขันธ์ทั้งหลายมีอยู่ การสมมติว่าสัตว์ก็มีได้
เหมือนคำว่ารถมีได้เพราะประกอบส่วนต่าง ๆ เข้าด้วยกัน
อนึ่ง ทุกข์เท่านั้นเกิดขึ้น
ทุกข์เท่านั้นดำรงอยู่และแปรผันไป
นอกจากทุกข์ ไม่มีสิ่งอื่นเกิดขึ้น
นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรอื่นดับไป๑
ลำดับนั้น มารผู้มีบาปเป็นทุกข์เสียใจว่า “วชิราภิกษุณีรู้จักเรา” จึงหายตัวไป
ณ ที่นั้นเอง
วชิราสูตรที่ ๑๐ จบ

บาลี



วชิราสุตฺต
[๕๕๒] เอวมฺเม สุต เอก สมย ภควา สาวตฺถิย วิหรติ
เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม ฯ อถ โข วชิรา ภิกฺขุนี
ปุพฺพณฺหสมย นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ
สาวตฺถิย ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺต ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตา เยน
อนฺธวน เตนุปสงฺกมิ ทิวาวิหาราย อนฺธวน อชฺโฌคเหตฺวา
อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหาร นิสีทิ ฯ
[๕๕๓] อถ โข มาโร ปาปิมา วชิราย ภิกฺขุนิยา ภย ฉมฺภิตตฺต
โลมหส อุปฺปาเทตุกาโม สมาธิมฺหา จาเวตุกาโม เยน วชิรา ภิกฺขุนี
เตนุปสงฺกมิ อุปสงฺกมิตฺวา วชิร ภิกฺขุนึ คาถาย อชฺฌภาสิ
เกนาย ปกโต สตฺโต กฺวจิ ๑ สตฺตสฺส การโก
กฺวจิ ๒ สตฺโต สมุปฺปนฺโน กฺวจิ ๓ สตฺโต นิรุชฺฌตีติ ฯ
[๕๕๔] อถ โข วชิราย ภิกฺขุนิยา เอตทโหสิ โก นุ ขฺวาย
มนุสฺโส วา อมนุสฺโส วา คาถ ภาสตีติ ฯ อถ โข วชิราย
ภิกฺขุนิยา เอตทโหสิ มาโร โข อย ปาปิมา มม ภย ฉมฺภิตตฺต
โลมหส อุปฺปาเทตุกาโม สมาธิมฺหา จาเวตุกาโม คาถ ภาสตีติ ฯ
อถ โข วชิรา ภิกฺขุนี มาโร อย ปาปิมา อิติ วิทิตฺวา มาร
ปาปิมนฺต คาถาหิ อชฺฌภาสิ
กึ นุ สตฺโตติ ปจฺเจติ ๔ มาร ทิฏฺิคต นุ เต
สุทฺธสงฺขารปุฺโช ย นยิธ สตฺตุปลพฺภติ
ยถา หิ องฺคสมฺภารา โหติ สทฺโท รโถ อิติ
เอว ขนฺเธสุ สนฺเตสุ โหติ สตฺโตติ สมฺมติ ๕
ทุกฺขเมว หิ สมฺโภติ ทุกฺข ติฏฺติ เวติ จ
นาฺตฺร ทุกฺขา สมฺโภติ นาฺตฺร ทุกฺขา นิรุชฺฌตีติ ฯ
อถ โข มาโร ปาปิมา ชานาติ ม วชิรา ภิกฺขุนีติ ทุกฺขี
ทุมฺมโน ตตฺเถวนฺตรธายีติ ฯ

******************

๑-๒-๓ โป. ม. ยุ. กุว ฯ ๔ โป. ม. ยุ. ปจฺเจสิ ฯ ๕ ม. ยุ. สมฺมุติ ฯ

อรรถกถา


อรรถกถาวชิราสูตร
ในวชิราสูตรที่ ๑๐ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า นยิธ สตฺตุปลพฺภติ ความว่า ในกองสังขารล้วนนี้ ว่าโดย
ปรมัตถ์ จะได้แก่สัตว์ก็หาไม่. บทว่า ขนฺเธสุ สนฺเตสุ ความว่า เมื่อ
ขันธ์ ๕ ยังมีอยู่ ท่านกำหนดเอาด้วยอาการนั้น ๆ. บท สมฺมติ คือเป็นเพียง
สมัญญาว่าสัตว์เท่านั้น. บทว่า ทุกฺขํ ได้แก่ ทุกข์คือ ขันธ์ ๕. บทว่า
นาญฺตฺร ทุกฺขา ความว่า นอกจากทุกข์ สภาวะอย่างอื่นไม่มีเกิดไม่มีดับ.
จบอรรถกถาวชิราสูตรที่ ๑๐

สนทนาธรรม

comments

Got anything to say? Go ahead and leave a comment!