27-503 นกแขกเต้าชื่อสัตติคุมพะ
พระไตรปิฎก
๗. สัตติคุมพชาดก
ว่าด้วยนกแขกเต้าชื่อว่าสัตติคุมพะ
(พระศาสดาทรงนำอดีตนิทานมาตรัสว่า)
{๒๑๔๒} [๑๕๙] พระมหาราชผู้เป็นจอมทัพแห่งชาวแคว้นปัญจาละ
ทรงเป็นดุจนายพรานเนื้อ เสด็จออกพร้อมกับเสนา
ทรงพลัดกับหมู่คณะ เสด็จมายังราวป่า
[๑๖๐] ทอดพระเนตรเห็นกระท่อมที่พวกโจรสร้างไว้ในป่านั้น
นกแขกเต้าได้บินออกจากกระท่อมไป กล่าวถ้อยคำที่หยาบช้าว่า
[๑๖๑] มีกษัตริย์หนุ่มน้อยพร้อมทั้งพาหนะ
มีพระกุณฑลงามเกลี้ยงเกลาดี
มีกรอบพระพักตร์แดงงาม
เหมือนดวงอาทิตย์ส่องแสงสว่างในกลางวัน
[๑๖๒] พระราชาบรรทมหลับพร้อมกับนายสารถี
เอาเถิด พวกเราจะรีบช่วยกัน
แย่งชิงอาภรณ์ของท้าวเธอเสียทั้งหมด
[๑๖๓] แม้เวลานี้ก็เงียบสงัดเหมือนเวลาเที่ยงวัน
พระราชาบรรทมหลับอยู่พร้อมกับนายสารถี
พวกเราช่วยกันแย่งชิงพระภูษาและพระกุณฑลแก้วมณี
ปลงพระชนม์แล้วกลบพระศพด้วยกิ่งไม้
(พ่อครัวปติโกลัมพะได้ฟังคำพูดของลูกนกแขกเต้านั้น จึงออกไปดู รู้ว่าเป็น
พระราชา ตกใจกลัว จึงกล่าวว่า)
{๒๑๔๓} [๑๖๔] เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรืออย่างไร สัตติคุมพะ พูดออกมาได้
ธรรมดาพระราชาทั้งหลายยากที่จะเข้าถึงพระองค์ได้
เหมือนดังไฟที่ลุกโพลง
(นกแขกเต้าสัตติคุมพะกล่าวโต้ตอบพ่อครัวว่า)
{๒๑๔๔} [๑๖๕] ปติโกลัมพะ เมื่อท่านเมาคุยคำโต ๆ ออกมา
เมื่อมารดาของเราเปลือยกาย ท่านจึงรังเกียจโจรกรรมหรือหนอ
(พระราชาตื่นบรรทมได้ยินคำพูดของนกแขกเต้าสัตติคุมพะพูดกับพ่อครัวด้วย
ภาษามนุษย์ ปลุกนายสารถีให้ลุกขึ้น ตรัสว่า)
{๒๑๔๕} [๑๖๖] ลุกขึ้นเถิด พ่อสารถีเพื่อนยาก เจ้าจงรีบเทียมรถ
เราไม่ชอบใจนกนี้เลย เราไปยังอาศรมอื่นกันเถิด
(นายสารถีลุกขึ้นเทียมรถแล้วกราบทูลว่า)
{๒๑๔๖} [๑๖๗] ขอเดชะพระมหาราช ราชรถเทียมไว้แล้ว
พาหนะอันทรงกำลังก็พร้อมแล้ว เชิญเสด็จขึ้นประทับเถิดพะย่ะค่ะ
พวกเราจะพากันไปยังอาศรมอื่น
(นกแขกเต้าสัตติคุมพะเห็นราชรถแล่นไปอยู่ถึงความสลดใจ จึงกล่าวว่า)
{๒๑๔๗} [๑๖๘] พวกโจรในค่ายนี้พากันไปไหนหมดหนอ
นั่นพระเจ้าปัญจาละกำลังเสด็จหนีไป
พ้นสายตาพวกโจรไปแล้ว
[๑๖๙] พวกท่านจงถือเอาเกาทัณฑ์ หอก และโตมร
นั่นพระเจ้าปัญจาละกำลังเสด็จหนีไป
พวกท่านอย่าปล่อยให้พระองค์มีชีวิตอยู่
(พระศาสดาทรงประกาศข้อความนี้ว่า)
{๒๑๔๘} [๑๗๐] ครั้งนั้น นกแขกเต้าอีกตัวหนึ่งซึ่งมีจะงอยปากแดง
ยินดีต้อนรับด้วยกล่าวว่า
พระมหาราช พระองค์เสด็จมาดีแล้ว มิได้เสด็จมาร้าย
พระองค์ผู้ทรงเป็นใหญ่ เสด็จมาถึงแล้วโดยลำดับ
สิ่งของที่มีอยู่ในอาศรมนี้ ขอพระองค์เสวยเถิด
[๑๗๑] คือ ผลมะพลับ ผลมะหาด ผลมะซาง ผลหมากเม่า
และผลไม้ทั้งหลายที่มีรสพอสมควร
ขอพระองค์เสวยผลไม้ที่ดี ๆ เถิดพระเจ้าข้า
[๑๗๒] นี้น้ำเย็นนำมาจากซอกเขา พระมหาราช
ขอพระองค์ทรงดื่มเถิด ถ้าพระองค์ทรงประสงค์
[๑๗๓] ฤๅษีทั้งหลายในอาศรมนี้พากันไปป่าเพื่อแสวงหามูลผลาหาร
ขอพระองค์เสด็จลุกขึ้นหยิบเอาเองเถิด
ข้าพระองค์ไม่มีมือจะทูลถวาย
ขอพระองค์เสด็จลุกขึ้นหยิบเอาเองเถิด
ข้าพระองค์ไม่มีมือจะทูลถวาย
(พระราชาทรงเลื่อมใสการปฏิสันถารของนกปุปผกะ จึงทรงชมเชยว่า)
{๒๑๔๙} [๑๗๔] ปักษีตัวนี้ดีจริงหนอ เป็นนกแต่ทรงธรรมอย่างยอดเยี่ยม
ส่วนเจ้านกแขกเต้าตัวหนึ่งนั้นพูดแต่คำหยาบช้าว่า
[๑๗๕] จงฆ่ามัน จงมัดมัน อย่าปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่
เมื่อมันบ่นพร่ำเพ้ออยู่อย่างนี้แล
เราได้ถึงอาศรมนี้โดยความสวัสดี
(นกปุปผกะครั้นได้ฟังพระราชดำรัสแล้ว จึงกราบทูลว่า)
{๒๑๕๐} [๑๗๖] พระมหาราช ข้าพระองค์ทั้ง ๒
เป็นพี่น้องร่วมท้องมารดาเดียวกัน
เจริญเติบโตอยู่ที่ต้นไม้ต้นเดียวกัน
แต่พลัดตกไปอยู่ต่างเขตแดนกัน
[๑๗๗] นกสัตติคุมพะเจริญเติบโตในแดนโจร
ส่วนข้าพระองค์เจริญเติบโตอยู่ในสำนักของฤๅษี ณ ที่นี้
นกสัตติคุมพะนั้นอยู่ใกล้อสัตบุรุษ
ข้าพระองค์อยู่ใกล้สัตบุรุษ
เพราะเหตุนั้น ข้าพระองค์ทั้ง ๒ จึงแตกต่างกันโดยธรรม
(นกปุปผกะจำแนกธรรมนั้นว่า)
{๒๑๕๑} [๑๗๘] ที่ใดมีแต่การฆ่า การจองจำ การหลอกลวงด้วยของปลอม
การหลอกลวงซึ่ง ๆ หน้า การปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์
และการข่มขู่กระทำทารุณอย่างแสนสาหัส
นกสัตติคุมพะนั้นสำเหนียกแต่การกระทำเหล่านั้นในที่นั้น
[๑๗๙] ที่นี้มีแต่ความจริง สุจริตธรรม ความไม่เบียดเบียน
ความสำรวม และการฝึกฝนอินทรีย์
พระองค์ผู้ทรงเป็นหน่อเนื้อแห่งภารตวงศ์
ข้าพระองค์เจริญเติบโตอยู่บนตักของฤๅษีผู้มีปกติให้อาสนะและน้ำ
(บัดนี้เมื่อจะแสดงธรรมถวายพระราชา จึงกล่าวว่า)
{๒๑๕๒} [๑๘๐] ขอเดชะพระราชา ธรรมดาบุคคลคบหาคนใด ๆ
เป็นสัตบุรุษก็ตาม อสัตบุรุษก็ตาม มีศีลก็ตาม ไม่มีศีลก็ตาม
ย่อมเป็นไปตามอำนาจของคนนั้นนั่นเอง
[๑๘๑] บุคคลทำคนเช่นไรให้เป็นมิตร
และคบหาจนสนิทกับคนเช่นไร
ถึงเขาก็เป็นเช่นคนนั้น
เพราะการอยู่ร่วมกันเป็นเช่นนั้น
[๑๘๒] คนชั่วใครคบเข้าย่อมเปื้อนคนคบ ซึ่งมิได้เปื้อนมาแต่เดิม
คนชั่วใครสัมผัสถูกต้อง หรือเมื่อสัมผัสถูกต้องคนอื่น
ก็ย่อมเปื้อนคนที่ตนสัมผัสถูกต้อง ซึ่งมิได้เปื้อนมาแต่เดิม
ดุจลูกศรที่กำซาบด้วยยาพิษก็พลอยแปดเปื้อนแล่งไปด้วย
เพราะกลัวแต่การแปดเปื้อน
นักปราชญ์จึงไม่ควรมีคนชั่วเป็นเพื่อน
[๑๘๓] คนใดห่อปลาเน่าด้วยใบหญ้าคา
แม้ใบหญ้าคาก็พลอยมีกลิ่นเหม็นเน่าฟุ้งไปด้วย
การคบหาคนพาลก็เป็นฉันนั้น
[๑๘๔] ส่วนคนใดห่อกฤษณาด้วยใบไม้
แม้ใบไม้ก็พลอยมีกลิ่นหอมฟุ้งไปด้วย
การคบหากับนักปราชญ์ก็เป็นฉันนั้น
[๑๘๕] เพราะเหตุนั้น บัณฑิตรู้การคบของตน
เหมือนกับใบไม้ห่อสิ่งของแล้ว
ไม่พึงเข้าไปคบหาอสัตบุรุษ พึงคบหาแต่สัตบุรุษ
เพราะอสัตบุรุษย่อมนำไปสู่นรก
ส่วนสัตบุรุษย่อมช่วยให้ไปถึงสุคติ
สัตติคุมพชาดกที่ ๗ จบ
บาลี
รออัพเดต
อรรถกถา
รออัพเดต