27-502 หงส์สุมุขะผู้ภักดีต่อพญาหงษ์จูฬหังสะ



พระไตรปิฎก


๖. จูฬหังสชาดก
ว่าด้วยหงส์สุมุขะผู้ภักดีต่อพญาหงส์จูฬหังสะ

(พระโพธิสัตว์เกิดเป็นพญาหงส์ทองเมื่อจะทดลองใจหงส์สุมุขะ จึงกล่าวว่า)
{๒๑๒๔} [๑๓๓] ฝูงหงส์เหล่านั้นถูกภัยคุกคาม
มีความกลัวจนต้องบินหนีไป
ท่านสุมุขะผู้มีผิวพรรณเหลืองอร่ามดังทองคำ
ท่านจงบินหนีไปตามความประสงค์เถิด
[๑๓๔] เราผู้เดียวติดบ่วงอยู่ หมู่ญาติทั้งหลายไม่เหลียวแล
พากันละทิ้งบินหนีไป ไยเล่ายังเหลือเจ้าอยู่แต่ตัวเดียว
[๑๓๕] ท่านสุมุขะผู้ประเสริฐโผบินไปเถอะ
เพราะความเป็นสหายไม่มีในผู้ติดบ่วงหรอก
ท่านอย่าทำความเพียรเพื่อความไม่มีทุกข์ให้เสื่อมเสียไปเลย
จงบินหนีไปตามความประสงค์เถิด
(หงส์สุมุขะเสนาบดีจับที่หลังเปือกตมกล่าวว่า)
{๒๑๒๕} [๑๓๖] ท้าวธตรัฏฐะ ข้าพระองค์จะไม่ละทิ้งพระองค์ไป
เพราะเหตุเพียงเท่านี้ว่า พระองค์ต้องประสบทุกข์
ข้าพระองค์จะอยู่จะตายกับพระองค์
(พญาหงส์ธตรัฏฐะกล่าวว่า)
{๒๑๒๖} [๑๓๗] ท่านสุมุขะ คำใดที่ท่านกล่าวออกมา
คำนั้นเป็นคำอันดีงามของอริยชน
แต่เราเมื่อจะทดลองท่าน จึงได้กล่าวคำนั้นออกไปว่า
จงบินหนีไปเสียเถิด
(ฝ่ายบุตรนายพรานเข้าไปหาพญาหงส์แล้วกล่าวว่า)
{๒๑๒๗} [๑๓๘] ท่านผู้ประเสริฐอุดมกว่าหงส์ทั้งหลาย
วิสัยปักษาทิชาชาติตัวผงาดสัญจรไปในอากาศ
ย่อมทำอากาศที่ไม่ใช่ทางให้เป็นทางบินไปได้
ท่านไม่ทราบว่ามีบ่วงแต่ที่ไกลหรือ
(พญาหงส์โพธิสัตว์กล่าวว่า)
{๒๑๒๘} [๑๓๙] เมื่อใดสัตว์มีความเสื่อมในขณะจะสิ้นชีวิต
เมื่อนั้นถึงจะมาใกล้ข่ายและบ่วงก็ไม่รู้
(นายพรานชื่นชมถ้อยคำของพญาหงส์ จึงสนทนากับพญาหงส์สุมุขะว่า)
{๒๑๒๙} [๑๔๐] ฝูงหงส์เหล่านั้นถูกภัยคุกคาม มีความกลัวจนต้องบินหนีไป
ท่านผู้มีผิวพรรณเหลืองอร่ามดังทองคำ ท่านเท่านั้นยังเหลืออยู่
[๑๔๑] นกทั้งหลายเหล่านั้นกินดื่มแล้วก็บินไป
ไม่เหลียวแล ท่านผู้เดียวเท่านั้นยังอยู่ใกล้
[๑๔๒] นกตัวนี้เป็นอะไรกับเจ้าหนอ
พ้นไปแล้วยังเข้าไปใกล้นกตัวติดบ่วง
นกทั้งหลายพากันทอดทิ้งบินหนีไป
ไยเล่ายังเหลือเจ้าอยู่แต่ตัวเดียว
(หงส์สุมุขะเสนาบดีกล่าวว่า)
{๒๑๓๐} [๑๔๓] นกตัวนั้นเป็นราชาของข้าพเจ้า
เป็นทั้งมิตรเป็นทั้งเพื่อนเสมอด้วยชีวิตของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจักไม่ละทิ้งท่านไปตราบจนวันตาย
(นายพรานฟังดังนั้นแล้วมีจิตเลื่อมใส คิดจะปล่อยพญาหงส์ที่ติดบ่วง จึง
กล่าวว่า)
{๒๑๓๑} [๑๔๔] ก็เจ้าประสงค์จะสละชีวิตเพราะเหตุแห่งเพื่อน
เรายอมปล่อยสหายของเจ้า ขอพญาหงส์จงตามเจ้าไปเถิด
(หงส์สุมุขะเสนาบดีมองดูพระโพธิสัตว์มีจิตยินดี จึงอนุโมทนาแก่นายพรานว่า)
{๒๑๓๒} [๑๔๕] นายพราน วันนี้ข้าพเจ้าเห็นพญาหงส์ผู้เป็นใหญ่กว่านก
พ้นจากอันตรายแล้วย่อมร่าเริงฉันใด
ขอท่านพร้อมกับญาติทั้งหมดจงร่าเริงฉันนั้นเถิด
(พญาหงส์ทูลถามพระราชาว่า)
{๒๑๓๓} [๑๔๖] พระองค์ทรงพระเกษมสำราญแลหรือ
มีพระอนามัยสมบูรณ์แลหรือ รัฐสีมารุ่งเรืองแลหรือ
พระองค์ทรงอนุศาสน์พร่ำสอนพสกนิกรโดยธรรมแลหรือ
(พระราชาตรัสว่า)
{๒๑๓๔} [๑๔๗] พญาหงส์ เราสุขเกษมสำราญดี
อนามัยก็สมบูรณ์ดี อนึ่ง รัฐสีมาก็รุ่งเรือง
และเราก็อนุศาสน์พร่ำสอนพสกนิกรโดยธรรม
(พญาหงส์ทูลถามว่า)
{๒๑๓๕} [๑๔๘] โทษบางประการในหมู่อำมาตย์ของพระองค์ไม่มีแลหรือ
อนึ่ง พระองค์มีศัตรูหมู่อมิตรอยู่ห่างไกล
ดุจพระฉายาด้านทิศทักษิณแลหรือ
(พระราชาตอบว่า)
{๒๑๓๖} [๑๔๙] แม้โทษบางประการในหมู่อำมาตย์ของเราก็ไม่มี
อนึ่ง เรามีศัตรูหมู่อมิตรอยู่ห่างไกลดุจเงาด้านทิศทักษิณ
(พญาหงส์ทูลถามว่า)
{๒๑๓๗} [๑๕๐] พระองค์ทรงมีพระมเหสีที่เหมาะสมอยู่ในพระโอวาท
มีพระเสาวนีย์ที่น่ารัก ถึงพร้อมด้วยพระโอรส
พระรูป และพระยศ อยู่ในพระอำนาจตามความพอพระทัย
ของพระองค์แลหรือ
(พระราชาตอบว่า)
{๒๑๓๘} [๑๕๑] ถูกแล้ว เรามีมเหสีที่เหมาะสมอยู่ในโอวาท มีดำรัสที่น่ารัก
ถึงพร้อมด้วยปุตตสมบัติ รูปสมบัติ และยศสมบัติ
อยู่ในอำนาจตามความพอใจของเรา
(พญาหงส์ทูลถามว่า)
{๒๑๓๙} [๑๕๒] ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงผดุงรัฐให้เจริญ
พระราชบุตรจำนวนมากของพระองค์ ทรงสมภพมาดีแล้ว
ถึงพร้อมด้วยพระปรีชาเฉลียวฉลาด
ยังทรงพากันรื่นเริงบันเทิงพระทัยอยู่ ณ สถานที่นั้น ๆ แลหรือ
(พระราชาตอบว่า)
{๒๑๔๐} [๑๕๓] ท้าวธตรัฏฐะ บุตรของเรา ๑๐๑ พระองค์ปรากฏแล้วเพราะเรา
ขอท่านโปรดชี้แจงกิจที่พึงกระทำแก่พวกเขาด้วยเถิด
พวกเขาจะไม่ฝ่าฝืนคำของท่าน
(พญาหงส์พระโพธิสัตว์ได้ฟังพระราชดำรัสแล้วได้ถวายโอวาทแก่พระราชบุตร
เหล่านั้นว่า)
{๒๑๔๑} [๑๕๔] แม้ถ้าว่ากุลบุตรผู้เข้าถึงโดยชาติกำเนิดหรือโดยวินัย
แต่ประกอบความเพียรในภายหลัง
เขาย่อมตกอยู่ในห้วงแห่งอันตรายที่แก้ไขได้ยาก
[๑๕๕] ช่องโหว่อันใหญ่หลวงย่อมเกิดแก่เขาผู้มีปัญญาง่อนแง่น
เหมือนคนผู้ตกอยู่ในความมืดแห่งราตรี
ย่อมเห็นได้แต่รูปหยาบ ๆ เท่านั้น
[๑๕๖] ส่วนกุลบุตรผู้รู้แต่การประกอบความเพียร
ในสิ่งที่ไม่เป็นสาระว่าเป็นสาระ เขาจะไม่ประสบความรู้เลย
ย่อมตกอยู่ในห้วงอันตรายอย่างเดียวเหมือนกวางที่ตกอยู่ที่ซอกเขา
[๑๕๗] แม้หากว่าคนผู้มีชาติสกุลต่ำ
แต่เป็นคนมีความขยันหมั่นเพียร
มีปัญญา สมบูรณ์ด้วยอาจาระและศีล
ก็ย่อมรุ่งเรืองเหมือนไฟในราตรี
[๑๕๘] ขอพระองค์ทรงทำข้อที่ข้าพระองค์กล่าวแล้วนั้น
ให้เป็นข้อเปรียบเทียบ แล้วทรงให้พระราชบุตรดำรงอยู่ในวิชา
กุลบุตรผู้มีปัญญาย่อมงอกงามเหมือนพืชในนางอกงามเพราะน้ำฝน
จูฬหังสชาดกที่ ๖ จบ

บาลี



รออัพเดต

อรรถกถา


รออัพเดต

สนทนาธรรม

comments

Comments are closed.