27-499 พระเจ้าสิพี



พระไตรปิฎก


๓. สีวิราชชาดก
ว่าด้วยพระเจ้าสีพี

(ท้าวสักกเทวราชทูลขอดวงพระเนตรกับพระราชาว่า)
{๒๐๖๖} [๕๒] ข้าพระพุทธเจ้าเป็นคนเฒ่า มองเห็นได้ไม่ไกล
มาเพื่อทูลขอพระจักษุ เราทั้ง ๒ จักมีนัยน์ตาคนละข้าง
ข้าพระพุทธเจ้าทูลขอแล้ว
ขอพระองค์โปรดพระราชทานพระจักษุแก่ข้าพระพุทธเจ้าเถิด
(พระโพธิสัตว์ได้สดับดังนั้นทรงดีพระทัย จึงตรัสว่า)
{๒๐๖๗} [๕๓] วณิพก ใครแนะนำเจ้าให้มาขอดวงตา ณ ที่นี้
เจ้าขอดวงตาซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญ ยากที่จะสละได้ง่าย ๆ
ที่บัณฑิตกล่าวไว้ว่า เป็นของที่คนสละได้ยาก
(ท้าวสักกเทวราชตรัสว่า)
{๒๐๖๘} [๕๔] ท่านผู้ใด ในเทวโลกเขาเรียกกันว่า สุชัมบดี
ท่านผู้นั้น ในมนุษยโลกเขาเรียกกันว่า มัฆวาน
ข้าพระพุทธเจ้าเป็นวณิพก
ท่านผู้นั้นแนะนำให้มาขอพระราชทานดวงพระเนตรในที่นี้
[๕๕] เมื่อข้าพระพุทธเจ้าทูลวิงวอนขอพระราชทานอวัยวะอันสำคัญอยู่
ขอพระองค์ผู้ถูกขอโปรดพระราชทาน
ดวงพระเนตรแก่ข้าพระพุทธเจ้าเถิด
ขอพระองค์โปรดพระราชทานดวงพระเนตรซึ่งเป็นอวัยวะที่สำคัญ
ที่บัณฑิตกล่าวไว้ว่า คนสละได้ยาก แก่ข้าพระพุทธเจ้าเถิด
(พระราชาตรัสว่า)
[๕๖] เจ้ามาด้วยความประสงค์อันใด
ปรารถนาประโยชน์อันใดอยู่
ขอความดำริเหล่านั้นจงสำเร็จแก่เจ้า
พราหมณ์ เจ้าจงได้ดวงตาเถิด
[๕๗] เมื่อเจ้าขอข้างเดียว เราจะให้ทั้ง ๒ ข้าง
เมื่อประชาชนเพ่งดูอยู่ เจ้าจงเป็นผู้มีดวงตาไปเถิด
เจ้าปรารถนาสิ่งใด ขอสิ่งนั้นจงสำเร็จแก่เจ้า
(ข้าราชการมีเสนาบดีเป็นต้น ราชวัลลภ ชาวพระนคร และนางสนมกราบทูล
ทัดทานว่า)
{๒๐๖๙} [๕๘] ขอเดชะพระองค์ผู้สมมติเทพของข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
ขอพระองค์อย่าได้พระราชทานดวงพระเนตรเลย
อย่าทรงละทิ้งพวกข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงเลย
ขอเดชะพระมหาราช ขอพระองค์พระราชทานทรัพย์
แก้วมุกดา และแก้วไพฑูรย์จำนวนมากไปเถิด
[๕๙] ขอเดชะพระองค์ผู้สมมติเทพ
ขอพระองค์จงพระราชทานราชรถ
ที่เทียมด้วยม้าอาชาไนย ซึ่งประดับตบแต่งแล้ว
ขอพระองค์จงพระราชทานพญาช้าง
และที่อยู่อาศัยที่ทำด้วยทองคำเถิด
[๖๐] ขอเดชะพระองค์ผู้จอมทัพ
ขอพระองค์จงพระราชทานสิ่งของให้พราหมณ์
เหมือนกับชาวกรุงสีพีที่มียานพาหนะและรถ
พึงตามเสด็จแวดล้อมพระองค์ในกาลทุกเมื่อ
(ลำดับนั้น พระราชาได้ตรัส ๓ คาถาว่า)
{๒๐๗๐} [๖๑] ผู้ใดพูดว่า เราจักให้แล้วกลับใจไม่ให้
ผู้นั้นชื่อว่าสวมบ่วงที่ตกไปบนพื้นดินไว้ที่คอ
[๖๒] ผู้ใดพูดว่า เราจักให้แล้วกลับใจไม่ให้
ผู้นั้นเป็นคนเลวกว่าคนที่เลว
ชื่อว่าเข้าถึงสถานที่ลงโทษแห่งพญายม
[๖๓] เขาขอสิ่งใด ควรให้สิ่งนั้น
เขาไม่ขอสิ่งใด ไม่ควรให้สิ่งนั้น
เราจักให้สิ่งที่พราหมณ์ขอกับเราเท่านั้น
(ลำดับนั้น พวกอำมาตย์ทูลถามพระราชาว่า)
{๒๐๗๑} [๖๔] ขอเดชะพระองค์ผู้จอมชน
พระองค์ทรงปรารถนาอายุ วรรณะ สุข
หรือพละอะไรหรือ จึงได้พระราชทาน
พระราชาผู้เป็นใหญ่แห่งชาวสีพี
จะพึงพระราชทานดวงพระเนตร
เพราะเหตุแห่งปรโลกได้อย่างไร
(พระราชาตรัสว่า)
{๒๐๗๒} [๖๕] เราบริจาคดวงตานั้นเพราะยศก็หามิได้
เราจะปรารถนาบุตร ทรัพย์ และแคว้นก็หาไม่
แต่นี้เป็นธรรมของสัตบุรุษที่ท่านประพฤติมาแต่โบราณ
เพราะเหตุนั้นแล ใจของเราจึงยินดีในการให้ทาน
{๒๐๗๓} ดวงตาทั้ง ๒ ข้างเราจะเกลียดชังก็หาไม่
ตัวตนเราจะเกลียดชังก็หาไม่
แต่สัพพัญญุตญาณเป็นที่รักของเรา
เพราะเหตุนั้น เราจึงได้บริจาคดวงตา
(พระโพธิสัตว์ได้กำชับนายแพทย์สีวิกะว่า)
{๒๐๗๔} [๖๖] นายแพทย์สีวิกะ ท่านเป็นเพื่อน เป็นมิตรของเรา
ศึกษามาดีแล้ว จงทำตามคำของเราโดยดี
เมื่อเรายังเห็นอยู่ ท่านจงควักดวงตา
แล้ววางไว้ในมือของวณิพก
(พระศาสดาทรงประกาศข้อความนั้นว่า)
{๒๐๗๕} [๖๗] นายแพทย์สีวิกะถูกพระเจ้าสีพีทรงเตือน
จึงกระทำตามรับสั่ง ได้ควักดวงพระเนตรของพระราชาแล้ว
ได้น้อมเข้าไปให้แก่พราหมณ์ พราหมณ์เป็นคนมีตาดี
พระราชากลับกลายเป็นคนมีพระเนตรบอดไป
{๒๐๗๖} [๖๘] จากวันนั้น สองสามวันต่อมา
เมื่อดวงพระเนตรมีเนื้องอกขึ้นมา
พระราชาผู้ทรงบำรุงแคว้นแห่งชาวกรุงสีพี
ให้เจริญรุ่งเรืองพระองค์นั้นทรงรับสั่งหานายสารถีมาตรัสว่า
[๖๙] พ่อสารถี เจ้าจงจัดเทียมยาน
เทียมเสร็จแล้วจงบอกให้ทราบ
เราจะไปยังอุทยาน สระโบกขรณี และราวป่า
๓. สีวิราชชาดก (๔๙๙)

[๗๐] ก็พระราชาได้เสด็จเข้าไปประทับนั่งขัดสมาธิที่ริมฝั่งสระโบกขรณี
ท้าวสุชัมบดีสักกเทวราชได้ทรงปรากฏแก่ท้าวเธอ
(ฝ่ายท้าวสักกะซึ่งพระโพธิสัตว์ได้ยินเสียงฝีพระบาทแล้วทูลถาม จึงตรัสว่า)
{๒๐๗๗} [๗๑] ฤๅษีเจ้า หม่อมฉันเป็นท้าวสักกะผู้เป็นจอมเทพ
ได้มาที่สำนักของพระองค์
ขอพระองค์จงขอพรที่พระองค์มีพระทัยปรารถนา
(พระราชาตรัสว่า)
{๒๐๗๘} [๗๒] ขอถวายพระพรท้าวสักกะ ทรัพย์ของอาตมาก็มีเพียงพอ
พลนิกายและพระคลังก็มีมิใช่น้อย
แต่บัดนี้ อาตมาเป็นคนตาบอดจึงพอใจการตายเท่านั้น
(ท้าวสักกะตรัสว่า)
{๒๐๗๙} [๗๓] พระมหากษัตริย์ผู้จอมมนุษย์ คำเหล่าใดเป็นคำสัตย์
ขอพระองค์จงตรัสคำเหล่านั้น
เมื่อพระองค์ตรัสคำสัตย์ ดวงพระเนตรจักปรากฏมีอีก
(พระโพธิสัตว์ผู้เป็นพระราชาได้ทำสัจจกิริยาว่า)
{๒๐๘๐} [๗๔] วณิพกมีโคตรต่าง ๆ กันเหล่าใดพากันมาเพื่อจะขอกับอาตมา
บรรดาวณิพกเหล่านั้น ผู้ใดย่อมขออาตมา
แม้ผู้นั้นย่อมเป็นที่รักแห่งใจของอาตมา
ด้วยสัจจวาจานี้ ขอดวงตาจงเกิดขึ้นแก่อาตมา
(ต่อมาไดัตรัสอีกว่า)
{๒๐๘๑} [๗๕] พราหมณ์ผู้มาขอกับอาตมาแล้วว่า
ขอพระองค์โปรดพระราชทานดวงตาข้างหนึ่งเถิด
อาตมาได้ประทานดวงตาให้พราหมณ์ซึ่งขออยู่นั้นไป ๒ ข้าง
[๗๖] ปีติและโสมนัสมิใช่น้อยได้ท่วมทับโดยยิ่ง
ด้วยสัจจวาจานี้ ขอดวงตาดวงที่ ๒ จงเกิดขึ้นแก่อาตมา
(ท้าวสักกะทรงชมเชยพระโพธิสัตว์ในท่ามกลางมหาชนว่า)
{๒๐๘๒} [๗๗] พระองค์ผู้ทรงผดุงแคว้นให้เจริญแก่ชาวกรุงสีพี
พระองค์ตรัสคาถาโดยธรรม
ดวงพระเนตรของพระองค์เหล่านี้จะปรากฏเป็นทิพย์
[๗๘] จะให้พระองค์สำเร็จการเห็นทะลุผ่านภายนอกฝา
ภายนอกกำแพงศิลาและภูเขาไปได้ไกลถึง ๑๐๐ โยชน์โดยรอบ
(พระโพธิสัตว์แสดงธรรมว่า)
{๒๐๘๓} [๗๙] ในโลกนี้ ใครหนอถูกเขาขอแล้ว
ไม่พึงให้ทรัพย์เครื่องปลื้มใจ
ทั้งวิเศษ ทั้งเป็นที่รักยิ่งของตน
เอาเถิด เราขอเตือนชาวสีพีทุกคนที่มาประชุมพร้อมกัน
ขอพวกท่านจงดูดวงตาทั้ง ๒ ซึ่งเป็นทิพย์ของเราในวันนี้
[๘๐] จะให้เราสำเร็จการเห็นทะลุผ่านภายนอกฝา
ภายนอกกำแพงศิลาและภูเขา
ไปได้ไกลถึง ๑๐๐ โยชน์โดยรอบ
[๘๑] ไม่มีอะไรของเหล่าสัตว์ในมนุษยโลกนี้
ที่จะยอดเยี่ยมไปกว่าการบริจาค
เราได้บริจาคดวงตาซึ่งเป็นของมนุษย์แล้ว
กลับได้ดวงตาอันยิ่งกว่าของมนุษย์
[๘๒] พี่น้องชาวกรุงสีพีทั้งหลาย
พวกท่านได้เห็นดวงตาทิพย์ ที่เราได้แล้วแม้นี้
จงให้ทาน จงบริโภคเถิด
คนที่ให้แล้วและบริโภคแล้วตามความสามารถ
ไม่พึงถูกนินทา พึงเข้าถึงแดนสวรรค์
สีวิราชชาดกที่ ๓ จบ

บาลี



รออัพเดต

อรรถกถา


รออัพเดต

สนทนาธรรม

comments

Comments are closed.