27-497 อานุภาพของฤาษีมาตังคะ



พระไตรปิฎก


๑. มาตังคชาดก
ว่าด้วยอานุภาพของฤๅษีมาตังคะ

(มัณฑัพยกุมารตรัสกับมาตังคดาบสว่า)
{๒๐๓๓} [๑] ท่านมาจากไหนหนอ
นุ่งผ้าเก่าขาดกะรุ่งกะริ่งเหมือนปีศาจคลุกฝุ่น
สวมใส่เศษผ้าจากกองขยะไว้จนถึงคอ
ท่านไม่ใช่ทักขิไณยบุคคล เป็นใครกันแน่
(พระโพธิสัตว์กราบทูลว่า)
{๒๐๓๔} [๒] ขอถวายพระพรพระองค์ผู้เพียบพร้อมด้วยยศ
พราหมณ์ทั้งหลายย่อมขบฉันและดื่มกินอาหาร
ที่พระองค์ทรงตระเตรียมไว้
พระองค์ก็ทรงรู้ว่า อาตมาอาศัยอาหารที่ผู้อื่นให้เลี้ยงชีวิต
ขอคนจัณฑาลจงได้ก้อนข้าวที่ต้องการลุกขึ้นยืนรับเถิด
(มัณฑัพยกุมารตรัสว่า)
{๒๐๓๕} [๓] อาหารนี้เราตระเตรียมไว้สำหรับพราหมณ์ทั้งหลาย
อาหารนี้ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่ตน สำหรับเราผู้เชื่อมั่น
ท่านจงหลีกไปแต่ที่นี้เถิด จะยืนอยู่ทำไม
พราหมณ์ผู้ชั่วช้า คนเช่นเราจะไม่ให้ท่าน
(พระโพธิสัตว์กราบทูลว่า)
{๒๐๓๖} [๔] คนทั้งหลายเมื่อหวังผลย่อมหว่านพืชลงในนาดอน ๑
ในนาลุ่ม ๑ ในที่ไม่ใกล้แม่น้ำ ๑ ด้วยความเชื่อนั้น
ขอพระองค์จงให้ทาน พึงให้ทักขิไณยบุคคลยินดีได้แน่แท้
(มัณฑัพยกุมารตรัสว่า)
{๒๐๓๗} [๕] เรารู้แจ้งเนื้อนาบุญเป็นที่ประดิษฐานเมล็ดพืชทั้งหลายในโลก
เนื้อนาบุญ คือ พราหมณ์ทั้งหลายที่เกิดโดยชาติและมนต์
นับว่าเป็นเนื้อนาบุญที่มีศีลเป็นที่รักยิ่ง
(พระโพธิสัตว์กราบทูลว่า)
{๒๐๓๘} [๖] ก็อคุณธรรมเหล่านี้ คือ ความเมาเพราะชาติ ๑
ความมีมานะจัด ๑ โลภะ ๑ โทสะ ๑
มทะ ๑ โมหะ ๑ ทุกอย่างมีอยู่ในเนื้อนาบุญเหล่าใด
เนื้อนาบุญเหล่านั้นนับว่าเป็นเนื้อนาบุญที่ไม่มีศีลเป็นที่รักในโลก
[๗] อคุณธรรมเหล่านี้ คือ ความเมาเพราะชาติ ๑
ความมีมานะจัด ๑ โลภะ ๑ โทสะ ๑
มทะ ๑ โมหะ ๑ ทุกอย่างไม่มีอยู่ในเนื้อนาบุญเหล่าใด
เนื้อนาบุญเหล่านั้นนับว่าเป็นเนื้อนาบุญที่มีศีลเป็นที่รักในโลก
(เมื่อพระโพธิสัตว์กล่าวความนี้ซ้ำอีก มัณฑัพยกุมารทรงกริ้วแล้วตรัสว่า)
{๒๐๓๙} [๘] เจ้าอุปโชติยะ เจ้าอุปัชฌายะ
และเจ้าภัณฑกุจฉิไปไหนกันหมด
พวกเจ้าจงเฆี่ยนตี จงทำร้ายเจ้าดาบสนี้
แล้วจับคอเจ้าคนชั่ว ไสหัวมันออกไป
(พระโพธิสัตว์เหาะไปอยู่ในอากาศกราบทูลว่า)
{๒๐๔๐} [๙] พระองค์ทรงด่าว่าฤๅษีชื่อว่าขุดภูเขาด้วยเล็บ
เคี้ยวกินก้อนเหล็กด้วยฟันและพยายามกลืนกินไฟ
(พระศาสดาทรงประกาศข้อความนั้นว่า)
{๒๐๔๑} [๑๐] มาตังคฤๅษีครั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว
มีความบากบั่นแน่วแน่ในสัจจะ
เมื่อพราหมณ์ทั้งหลายเห็นอยู่ ได้เหาะหนีไปในอากาศ
(นางทิฏฐมังคลิการีบเสด็จไปโดยเร็วเห็นว่า)
{๒๐๔๒} [๑๑] ศีรษะบิดกลับไปข้างหลัง
แขนกางออกใช้การไม่ได้
นัยน์ตาขาวเหมือนนัยน์ตาของคนตายแล้ว
ใครหนอได้กระทำบุตรของดิฉันนี้ให้เป็นอย่างนี้
(ชนผู้อยู่ในที่นั้นบอกนางว่า)
{๒๐๔๓} [๑๒] สมณะนุ่งผ้าเก่าขาดกะรุ่งกะริ่งเหมือนปีศาจคลุกฝุ่น
สวมใส่เศษผ้าจากกองขยะไว้จนถึงคอได้มา ณ ที่นี้
สมณะรูปนั้นได้กระทำบุตรของท่านนี้ให้เป็นอย่างนี้
(นางทิฏฐมังคลิกาถามว่า)
{๒๐๔๔} [๑๓] พ่อมาณพ สมณะผู้มีปัญญาเพียงดังแผ่นดิน
ได้ไปยังทิศไหนเสียเล่า
ขอท่านโปรดบอกเนื้อความนั้นแก่ข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะไปขอโทษท่าน
ทำอย่างไร ข้าพเจ้าจึงจะได้ชีวิตของบุตรนั้นคืนมา
(มาณพทั้งหลายผู้อยู่ในที่นั้นบอกว่า)
{๒๐๔๕} [๑๔] ฤๅษีผู้มีปัญญาเพียงดังแผ่นดินได้เหาะไป
ดุจพระจันทร์ในวันเพ็ญลอยอยู่ท่ามกลางนภากาศ
อีกอย่างหนึ่ง ฤๅษีผู้เป็นคนดีแม้รูปนั้น
ปฏิญญามั่นอยู่ด้วยสัจจะ ได้ไปทางทิศบูรพา
(นางทิฏฐมังคลิกาจะถามพระโพธิสัตว์ว่า)
{๒๐๔๖} [๑๕] ศีรษะบิดกลับไปข้างหลัง
แขนกางออกใช้การไม่ได้
นัยน์ตาขาวเหมือนนัยน์ตาของคนตายแล้ว
ใครหนอได้กระทำบุตรของดิฉันนี้ให้เป็นอย่างนี้
(พระโพธิสัตว์มาตังคบัณฑิตกล่าวตอบนางว่า)
{๒๐๔๗} [๑๖] ยักษ์ทั้งหลายผู้มีอานุภาพมากยังมีอยู่แล
ก็ยักษ์เหล่านั้นได้ติดตามฤๅษีทั้งหลายผู้เป็นคนดี
ทราบว่าบุตรของท่านมีจิตประทุษร้าย
โกรธเคืองจึงได้ทำให้เป็นอย่างนี้
(นางทิฏฐมังคลิกากล่าวว่า)
{๒๐๔๘} [๑๗] ก็ยักษ์ทั้งหลายได้กระทำบุตรของดิฉันให้เป็นอย่างนี้
ส่วนพระคุณเจ้าผู้ประพฤติพรหมจรรย์อย่าโกรธบุตรดิฉันเลย
พระคุณเจ้าผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร
ดิฉันขอถึงพระคุณเจ้าเท่านั้นเป็นที่พึ่งที่ระลึก เป็นบาทเบื้องต้น
ดิฉันได้ติดตามมาด้วยความโศกถึงบุตร
(พระโพธิสัตว์มาตังคบัณฑิตกล่าวว่า)
{๒๐๔๙} [๑๘] ทั้งในกาลนั้น ทั้งเดี๋ยวนี้ การคิดประทุษร้ายทางใจบางอย่าง
ของอาตมาก็ไม่มีแก่อาตมา ส่วนบุตรของท่านเป็นผู้มัวเมาเพราะ
ความเมาในพระเวท เรียนจบพระเวทแล้วหารู้จักประโยชน์ไม่
(นางทิฏฐมังคลิกากล่าวว่า)
{๒๐๕๐} [๑๙] แน่นอน ท่านผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร
ธรรมดาคนเรา สัญญาย่อมเลือนไปเพียงชั่วครู่
พระคุณเจ้าผู้มีปัญญาเพียงดังแผ่นดิน
ขอพระคุณเจ้าจงอดโทษสักครั้งหนึ่งเถิด
บัณฑิตทั้งหลายย่อมไม่มีความโกรธรุนแรง
(พระโพธิสัตว์มาตังคบัณฑิตผู้ถูกนางทิฏฐมังคลิกาอ้อนวอนขอโทษให้บุตร จึง
กล่าวว่า)
{๒๐๕๑} [๒๐] นี้ก้อนข้าวที่อาตมาฉันเหลือ
มัณฑัพยบุตรของท่านผู้มีปัญญาน้อยจงบริโภค
ยักษ์ทั้งหลายไม่พึงเบียดเบียนมัณฑัพยบุตรของท่าน
และบุตรของท่านจักเป็นผู้ไม่มีโรค
(ลำดับนั้น มารดากล่าวกับบุตรว่า)
{๒๐๕๒} [๒๑] พ่อมัณฑัพยะ เจ้าเป็นคนโง่เขลาเบาปัญญา
ไม่ฉลาดต่อบุคคลผู้เป็นเนื้อนาบุญ
ได้ให้ทานในบุคคลผู้มีกิเลสเพียงดังน้ำฝาดมากมาย
ผู้มีการงานเศร้าหมอง ไม่สำรวม
[๒๒] บางพวกเกล้าผมเป็นชฎา บางพวกนุ่งหนังสัตว์
บางพวกปากมีหนวดรุงรังเหมือนบ่อน้ำเก่า
เจ้าจงดูหมู่ชนนี้ มีรูปทราม
มวยผมและหนังสัตว์คุ้มครองคนมีปัญญาทรามไม่ได้
{๒๐๕๓} [๒๓] ชนเหล่าใดคลายราคะ โทสะ และอวิชชาได้แล้ว
ชนเหล่านั้นมีอาสวะสิ้นแล้ว เป็นพระอรหันต์
ทานที่บุคคลถวายแล้วในท่านเหล่านั้นมีผลมาก
มาตังคชาดกที่ ๑ จบ

บาลี



รออัพเดต

อรรถกถา


รออัพเดต

สนทนาธรรม

comments

Comments are closed.