27-039 นายนันททาส



พระไตรปิฎก


๙. นันทชาดก
ว่าด้วยนายนันททาส

(กุฎุมพีโพธิสัตว์เมื่อจะบอกขุมทรัพย์แก่กุมารผู้เป็นลูกของเพื่อน จึงกล่าวว่า)
{๓๙} [๓๙] ทาสชื่อนันทะ เกิดจากนางทาสี ยืนพูดคำหยาบอยู่ที่ใด
เรารู้ว่ามีกองรัตนะและมาลัยทองอยู่ที่นั้น
นันทชาดกที่ ๙ จบ

บาลี



รออัพเดต

อรรถกถา


๙. อรรถกถานันทชาดก
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ในพระเชตวันวิหารทรงปรารภสัทธิวิหาริก
ของพระสารีบุตรเถระ จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า มญฺเ
โสวณฺณมโย ราสิ ดังนี้.
ได้ยินว่า ภิกษุนั้นเป็นผู้ว่าง่าย อดทนต่อถ้อยคำ (ที่สั่งสอน) กระทำ
อุปการะแก่พระเถระด้วยอุตสาหะเป็นอันมาก ครั้นสมัยหนึ่ง พระเถระทูลลา
พระศาสดาหลีกจาริกไปแล้ว ได้กลับมายังทักขิณาคีรีชนบท ในเวลาที่พระ
เถระไปอยู่ในทักขิณาคีรีชนบทนั้น ภิกษุนั้น เป็นผู้ถือตัวจัด ไม่กระทำตามคำ
ของพระเถระ ก็เมื่อพระเถระกล่าวว่า ผู้มีอายุ เธอจงกระทำกรรมชื่อนี้ ก็ได้
เป็นฝ่ายตรงข้ามต่อพระเถระ พระเถระไม่รู้อัธยาศัยของภิกษุนั้น พระเถระ
เที่ยวจาริกไปในทักขิณาคีรีชนบทนั้น หวนกลับมายังพระเชตวันวิหารอีก ภิกษุ
นั้นก็เป็นเช่นนั้นนั่นแลอีก จำเดิมแต่พระเถระมายังพระเขตวันวิหาร พระเถระ
จึงกราบทูลแต่พระตถาคตว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สัทธิวิหาริกรูปหนึ่งของ
ข้าพระองค์ ในที่แห่งหนึ่งได้เป็นเหมือนทาสที่ไถ่มาด้วยทรัพย์หนึ่งร้อย แค่
ในที่แห่งหนึ่ง เป็นผู้ถือตัวจัด เมื่อข้าพระองค์บอกว่า จงกระทำสิ่งชื่อนี้
กลับทำตรงกันข้าม พระศาสดาตรัสว่า สารีบุตร ภิกษุนี้เป็นผู้มีปกติอย่างนี้
ในบัดนี้เท่านั้น หามิได้ แม้ในกาลก่อนภิกษุนี้ไปยังที่หนึ่ง เป็นเหมือนทาสที่
ไถ่มาด้วยทรัพย์ตั้งร้อย แต่ไปยังอีกที่หนึ่งกลับเป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นศัตรู
อันพระเถระทูลอ้อนวอนแล้วจึงทรงนำอด นิทานมา ดังต่อไปนี้
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี
พระโพธิสัตว์ถือปฏิสนธิในตระกูลกุฎุมพีตระกูลหนึ่ง กุฎุมพีผู้สหายกนหนึ่งของ
พระโพธิสัตว์นั้นตนเองเป็นคนแก่ แต่ภรรยาของกุฎุมพีนั้นเป็นหญิงสาว นาง
อาศัยกุฎุมพีนั้นจึงได้บุตรชาย กุฎุมพีนั้นคิดว่า หญิงนี้ เมื่อเราล่วงไปแล้วก็จะ
ได้บุรุษไร ๆ นั่นแหละ (เป็นสามี) เพราะยังสาวอยู่ จะทำทรัพย์ของเรานี้ให้
พินาศ จะไม่ให้แก่บุตรของเรา ถ้ากระไร เราจะฝังทรัพย์นี้ไว้ในแผ่นดิน
เขาจึงพาทาสในเรือนชื่อว่า นายนันทะ ไปป่า ฝังทรัพย์นี้ไว้ในที่แห่งหนึ่ง
แล้วบอกแก่นายนันทะนั้น โอวาทว่า พ่อนันทะ ทรัพย์นี้ เมื่อเราล่วงไป
แล้ว เธอพึงบอกแก่บุตรของเรา อย่าบริจาคทรัพย์ของเรา ดังนี้ แล้วได้
ตายไป บุตรของกุฎุมพีนั้นเป็นผู้เจริญโดยลำดับ. ลำดับนั้น มารดากล่าวกะ
บุตรชายนั้นว่า ดูก่อนพ่อ บิดาของเจ้าพานายนันททาสไปฝังทรัพย์ เจ้าจงให้
นำทรัพย์นั้นมารวบรวมทรัพย์สมบัติไว้ วัน หนึ่ง บุตรนั้นกล่าวกะทาสนันทะว่า
ลุงทรัพย์ไร ๆ ที่บิดาของฉันฝังไว้ มีอยู่หรือ. นายนันททาสกล่าวว่า ขอรับนาย.
บุตรถามว่า ฝังไว้ที่ไหน. นันทะตอบว่า ในป่าจ้ะนาย. บุตรกล่าวว่า ถ้าอย่าง
นั้นพวกเราพากันไป แล้วถือเอาจอบและตะกร้าไปยังที่ฝังทรัพย์ แล้วกล่าวว่า
ทรัพย์อยู่ที่ไหนล่ะลุง. นายนันทะขึ้นยืนข้างบนทรัพย์ อาศัยทรัพย์ทำมานะให้
เกิดขึ้น ด่ากุมารว่า เฮ้ยเจ้าเจตกะลูกทาสี ทรัพย์ในที่นี้ของเจ้าจักมีมาแต่ไหน.
กุมารทำเป็นไม่ได้ยินคำหยาบของเขา กล่าวว่า ถ้าอย่างนั้น พวกเรากลับกัน
เถิด แล้วพานายนันทะนั้นกลับ. ล่วงไป ๒-๓ วันได้ไปอีก นายนันทะก็ด่า
เหมือนอย่างนั้นแหละ กุมารไม่กล่าวคำหยาบกับเขาคิดว่า ทาสนี้ไปด้วยคิดว่า
จักบอกทรัพย์จำเดิมแต่นี้ แต่ครั้นไปแล้วกลับด่า เราไม่รู้เหตุในข้อนั้น
กุฎุมพีผู้สหายของบิดาเรามีอยู่หนอ เราสอบถามกุฎุพีนั้นแล้วจักรู้ได้ จึงไป
ยังสำนักของพระโพธิสัตว์ บอกเรื่องราวนั้นทั้งหมดแล้วถามว่า ข้าแต่พ่อ
เพราะเหตุอะไรหนอ ? พระโพธิสัตว์กล่าวว่า ดูก่อนพ่อ นายนันทะยืนด่าเธอ
ในที่ใด ทรัพย์อันเป็นของบิดาเธออยู่ในที่นั่นแหละ เพราะฉะนั้น ในกาลใด
นายนันทะด่าเธอ ในกาลนั้น เธอจงฉุดนายนันทะนั้นมาด้วยคำว่า เฮ้ยเจ้าทาส
เจ้าจงมาด่า แล้วถือเอาจอบขุดทำลายที่นั้น นำเอาทรัพย์อันเป็นของตระกูลออก
มาให้ทาสยกนำเอาทรัพย์มา ครั้น กล่าวแล้วจึงกล่าวคาถานี้ว่า
ทาสชื่อนายนันทะเป็นบุตรของนางทาสยืน
กล่าวคำหยาบในที่ใด เรารู้ว่ากองแห่งรัตนะทั้งหลาย
และดอกไม้ทอง มีอยู่ในนั้น.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า มญฺเ แปลว่า เรารู้อย่างนี้. บทว่า
โสวณฺณโย ความว่า ชื่อว่าสุวรรณเพราะมีสีงาม สุวรรณเหล่านั้นคืออะไร ?
คือรัตนะทั้งหลายมีเงิน แก้วมณี ทองและแก้วประพาฬ เป็นต้น. ก็ในฐานะ
นี้ ท่านประสงค์เอารัตนะนี้ทั้งหมดว่า สุวรรณ กองแห่งรัตนะเหล่านั้นชื่อว่า
โสวัณณยราสิ กองรัตนะมีสีงาม. บทว่า โสวณฺณมาลา จ ความว่า เรา
ย่อมรู้ว่า และแม้ดอกไม้ทองอันเป็นของแห่งบิดาเธอก็มีอยู่ในที่นี้เหมือนกัน.
บทว่า นนฺทโก ยตฺย ทาโส ความว่า ทาสชื่อว่านันทะยืนอยู่ในที่ใด.
บทว่า อามชาโต ความว่า บุตรของทาสีกล่าวคือนางอามทาสีเพราะเข้าถึง
ความเป็นทาสด้วยการกล่าวอย่างนี้ว่า จ้ะ ฉันเป็นทาสีของท่าน. บทว่า ฐิโต
ถุลฺลานิ คชฺชติ ความว่า ทาสชื่อนั้นทะนั้นยืนอยู่ในที่ใด กล่าวคำหยาบ
คือคำหยาบคาย ทรัพย์อันเป็นของตระกูลแห่งเธอมีอยู่ในที่นั้นแหละ เรารู้
ทรัพย์นั้นอย่างนี้ เพราะเหตุนั้น พระโพธิสัตว์จึงบอกอุบายเครื่องถือเอาทรัพย์
แก่กุมาร.
กุมารไหว้พระโพธิสัตว์แล้วไปเรือนพานายนันทะไปยังที่ฝังทรัพย์
ปฏิบัติตามที่พระโพธิสัตว์สั่งสอนแล้ว นำเอาทรัพย์นั้นมารวบรวมทรัพย์สมบัติ
ไว้ ตั้งอยู่ในโอวาทของพระโพธิสัตว์ กระทำบุญทั้งหลายมีทาน เป็นต้น ใน
เวลาสิ้นชีวิต ได้ไปตามยถากรรม.
พระศาสดาตรัสว่า แม้ในกาลก่อนสัทธิวิหาริกของสารีบุตรนี้ ก็เป็น
ผู้มีปกติอย่างนี้เหมือนกัน ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงทรงสืบ
อนุสนธิประชุมชาดกว่า ทาสนันทะในครั้งนั้น ได้เป็นสัทธิวิหาริกของ
พระสารีบุตร บุตรของกุฏุพีในครั้งนั้น ได้เป็นพระสารีบุตร ส่วน
กุฎุมพีผู้บัณฑิตในครั้งนั้น ได้เป็นเราเองแล.
จบนันทชาดกที่ ๙

สนทนาธรรม

comments

Comments are closed.