25-440 ผู้มีสิกขาเป็นอานิสงส์
พระไตรปิฎก
๙. สิกขานิสังสสูตร
ว่าด้วยผู้มีสิกขาเป็นอานิสงส์
{๒๒๔} [๔๖] แท้จริง พระสูตรนี้ พระผู้มีพระภาคตรัสไว้แล้ว พระสูตรนี้ พระอรหันต์
กล่าวไว้แล้ว ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
“ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเป็นผู้มีสิกขา A เป็นอานิสงส์ มีปัญญา B
เป็นเยี่ยม มีวิมุตติ C เป็นแก่นสาร มีสติเป็นใหญ่ D อยู่เถิด
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อเธอทั้งหลายเป็นผู้มีสิกขาเป็นอานิสงส์ มีปัญญาเป็นเยี่ยม
มีวิมุตติเป็นแก่นสาร มีสติเป็นใหญ่อยู่ พึงหวังได้ผลอย่าง ๑ ใน ๒ อย่าง คือ
อรหัตตผลในปัจจุบัน หรือเมื่อยังมีอุปาทานเหลืออยู่ก็จักเป็นอนาคามี”
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความดังกล่าวมานี้แล้ว ในพระสูตรนั้น จึงตรัส
คาถาประพันธ์ดังนี้ว่า
เราเรียกมุนีผู้มีสิกขาบริบูรณ์ ไม่มีธรรมที่ต้องละ
มีปัญญาเป็นเยี่ยม มีปกติเห็นที่สุดคือภาวะที่สิ้นสุดแห่งชาติ
ทรงไว้ซึ่งร่างกายสุดท้ายนั้นแลว่า
เป็นผู้ละมาร เป็นผู้ถึงฝั่งแห่งชรา E
เพราะฉะนั้น เธอทั้งหลายจงเป็นผู้ยินดีในฌาน
เป็นผู้มีจิตตั้งมั่นทุกเมื่อ มีความเพียร
มีปกติเห็นที่สุดคือภาวะที่สิ้นสุดแห่งชาติ
ครอบงำมารพร้อมทั้งเสนามารได้
เป็นผู้ถึงฝั่งแห่งชาติและมรณะได้
แม้เนื้อความนี้ พระผู้มีพระภาคก็ตรัสไว้แล้ว ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้แล
สิกขานิสังสสูตรที่ ๙ จบ
เชิงอรรถ
A สิกขา ในที่นี้หมายถึงสิกขา ๓ คือ อธิสีลสิกขา อธิจิตตสิกขา อธิปัญญาสิกขา (ขุ.อิติ.อ. ๔๖/๑๙๔)
B ปัญญา ในที่นี้หมายถึงอธิปัญญาสิกขา (ขุ.อิติ.อ. ๔๖/๙๔)
C วิมุตติ ในที่นี้หมายถึงอรหัตตผล (ขุ.อิติ.อ. ๔๖/๑๙๔)
D สติเป็นใหญ่ หมายถึงมีจิตตั้งมั่นในสติปัฏฐาน ๔ (ขุ.อิติ.อ. ๔๖/๑๙๔)
E ดูเทียบ อิติวุตตกะข้อ ๓๙ หน้า ๓๘๖
บาลี
รออัพเดต
อรรถกถา
รออัพเดต