16-200 อนุสัย
พระไตรปิฎก
๑๑. อนุสยสูตร
ว่าด้วยอนุสัย
{๖๓๒} [๒๐๐] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ … เขตกรุงสาวัตถี …
ครั้งนั้น ท่านพระราหุลเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายอภิวาท
แล้วนั่ง ณ ที่สมควร ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อบุคคลรู้เห็นอย่างไร อหังการ A มมังการ B และ
มานานุสัย C จึงไม่มีในกายที่มีวิญญาณครองนี้ และในสรรพนิมิตภายนอก”
{๖๓๓} “ราหุล รูปอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน เป็นไปภายใน
หรือภายนอก หยาบ หรือละเอียด เลว หรือประณีต อยู่ไกล หรืออยู่ใกล้ รูป
ทั้งหมดนั้น อริยสาวกเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงอย่างนี้ว่า ‘นั่นไม่ใช่
ของเรา เราไม่เป็นนั่น นั่นไม่ใช่อัตตาของเรา”
เวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง ฯลฯ สัญญาอย่างใดอย่างหนึ่ง … สังขารเหล่าใด
เหล่าหนึ่ง …
วิญญาณอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน เป็นไปภายใน
หรือภายนอก หยาบ หรือละเอียด เลว หรือประณีต อยู่ไกล หรืออยู่ใกล้ วิญญาณ
ทั้งหมดนั้น อริยสาวกเห็นด้วยปัญญา อันชอบตามความเป็นจริงอย่างนี้ว่า
‘นั่นไม่ใช่ของเรา เราไม่เป็นนั่น นั่นไม่ใช่อัตตาของเรา”
ราหุล เมื่อบุคคลรู้เห็นอย่างนี้ อหังการ มมังการและมานานุสัย จึงไม่มีในกาย
ที่มีวิญญาณครองนี้ และในสรรพนิมิตภายนอก”
อนุสยสูตรที่ ๑๑ จบ
เชิงอรรถ
A อหังการ หมายถึงทิฏฐิ (สํ.นิ.อ. ๒/๒๐๐/๒๓๗, องฺ.ติก.อ. ๒/๓๒/๑๑๓)
B มมังการ หมายถึงตัณหา (สํ.นิ.อ. ๒/๒๐๐/๒๓๗, องฺ.ติก.อ. ๒/๓๒/๑๑๓)
C มานานุสัย คือกิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในสันดานของสัตว์ มี ๗ อย่าง คือ
(๑) กามราคะ ความกำหนัดในกาม
(๒) ปฏิฆะ ความหงุดหงิดขัดเคือง
(๓) ทิฏฐิ ความเห็นผิด
(๔) วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย
(๕) มานะ ความถือตัว
(๖) ภวราคะ ความกำหนัดในภพ
(๗) อวิชชา ความไม่รู้จริง (ที.ปา. ๑๑/๓๓๒/๒๒๓, สํ.สฬา.
(แปล) ๑๘/๖๙/๕๙, สํ.นิ.อ. ๒/๒๐๐/๒๓๗)
บาลี
รออัพเดต
อรรถกถา
รออัพเดต