15-047 การปลูกป่า
พระไตรปิฎก
๗. วนโรปสูตร
ว่าด้วยการปลูกป่า
[๑๔๕] เทวดาทูลถามว่า
บุญย่อมเจริญ ทั้งกลางวันและกลางคืน
ตลอดกาลทุกเมื่อ แก่ชนเหล่าไหน
ชนเหล่าไหนดำรงอยู่ในธรรม
สมบูรณ์ด้วยศีลแล้ว ย่อมไปสู่สวรรค์
[๑๔๖] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ชนเหล่าใดปลูกสวนอันน่ารื่นรมย์ A
ปลูกป่า สร้างสะพาน ขุดสระน้ำ บ่อน้ำ
และให้ที่พักอาศัย
บุญย่อมเจริญแก่ชนเหล่านั้น
ทั้งกลางวันและกลางคืนตลอดกาลทุกเมื่อ
ชนเหล่านั้นดำรงอยู่ในธรรม สมบูรณ์ด้วยศีลแล้ว
ย่อมไปสู่สวรรค์อย่างแน่นอน
วนโรปสูตรที่ ๗ จบ
เชิงอรรถ
A สวนอันน่ารื่นรมย์ หมายถึงสวนไม้ดอกไม้ผลอันน่ารื่นรมย์ (สํ.ส.อ. ๑/๔๗/๘๖)
บาลี
วนโรปสุตฺต
[๑๔๕] เกส ทิวา จ รตฺโต จ สทา ปฺุ ปวฑฺฒติ
ธมฺมฏฺา สีลสมฺปนฺนา เก ชนา สคฺคคามิโนติ ฯ
[๑๔๖] อารามโรปา วนโรปา เย ชนา เสตุการกา
ปปฺจ อุทปานฺจ เย ททนฺติ อุปสฺสย
เตส ทิวา จ รตฺโต จ สทา ปฺุ ปวฑฺฒติ
ธมฺมฏฺา สีลสมฺปนฺนา เต ชนา สคฺคคามิโนติ ฯ
อรรถกถา
อรรถกถาวนโรปสูตร
พึงทราบวินิจฉัยในวนโรปสูตรที่ ๗ ต่อไป ;-
บทว่า ธมฺมฏฺฐา สีลสมฺปนฺนา แปลว่า เทวดา ย่อมทูลถามว่า
ชนพวกไหนตั้งอยู่ในธรรมสมบูรณ์ด้วยศีล ดังนี้. พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อ
จะทรงแสดงปัญหานี้โดยวัตถุก่อน จึงตรัสว่า อารามโรปา เป็นอาทิ. บรรดา
บทเหล่านั้น บทว่า อารามโรปา แปลว่า ปลูกสวนดอกไม้และสวนผลไม้.
บทว่า วนโรปา อธิบายว่า ทำการล้อมเขตแดนในป่าธรรมชาติที่เกิดขึ้นเอง
แล้ว ทำเจดีย์ ปลูกต้นโพธิ์ ทำที่จงกรม ทำมณฑป กุฏิ ที่หลีกเร้น และที่พัก
ในเวลากลางวันและกลางคืน. เมื่อบุคคลปลูกต้นไม้อาศัยร่มเงาให้อาศัยอยู่ ก็
ชื่อว่า การปลกหมู่ไม้. บทว่า เสตุการกา ได้แก่ชนทั้งหลายสร้างสะพาน
ในที่อันไม่เสมอกันหรือ ย่อมมอบเรือให้ไป. บทว่า ปปํ ได้แก่ โรงที่ให้
น้ำดื่ม. บทว่า อุทปานํ ได้แก่ ที่ใดที่หนึ่งมีสระโบกขรณีและบ่อที่มีน้ำเป็น
ต้น. บทว่า อปสฺสยํ ได้แก่ บ้านที่พักอาศัย พระบาลีว่า อุปาสยํ ก็มี
แปลว่า ให้เข้าไปอาศัย. บทว่า สทา ปุญฺํ ปวฑฺฒติ อธิบายว่า เมื่อ
ไม่ตรึกถึงอกุศลวิตก หรือเมื่อไม่หลับ บุญย่อมเจริญ. พระผู้มีพระภาคเจ้า
ตรัสว่า บุญย่อมเจริญทุกเมื่อ ดังนี้ ทรงหมายเอาเนื้อความนี้ว่า ก็ในกาลใด
ย่อมระลึกถึง ในกาลนั้น บุญย่อมเจริญ ดังนี้. บทว่า ธมฺมฏฺฐา สีลสมฺปนฺนา
อธิบายว่า ชื่อว่า ตั้งอยู่แล้วในธรรม เพราะความที่บุคคลนั้นดำรงอยู่ในธรรม
ชื่อว่า สมบูรณ์แล้วด้วยศีล เพราะความที่บุคคลนั้นถึงพร้อมแล้วด้วยศีลแม้นั้น.
อีกอย่างหนึ่ง เมื่อบุคคลทั้งหลายทำบุญทั้งหลายเห็นปานนี้ ชื่อว่า ย่อมบำเพ็ญ
กุศลธรรมสิบ คือว่าบุคคลเหล่านั้น ชื่อว่า ตั้งอยู่แล้วในธรรม เพราะความที่
บุคคลเหล่านั้น ตั้งอยู่ในกุศลธรรมสิบเหล่านั้น และชื่อว่า สมบูรณ์แล้วด้วยศีล
เพราะความที่บุคคลเหล่านั้นถึงพร้อมแล้วด้วยศีลนั้นนั่นแหละ ดังนี้แล.
จบอรรถกถาวนโรปสูตรที่ ๗