15-007 ผู้ไม่รู้แจ้งธรรม
พระไตรปิฎก
๗. อัปปฏิวิทิตสูตร ว่าด้วยผู้ไม่รู้แจ้งธรรม
[๑๕] เรื่องเกิดขึ้นที่กรุงสาวัตถี เทวดานั้นยืนอยู่ ณ ที่สมควรแล้ว ได้กล่าวคาถานี้ในสำนักของพระผู้มีพระภาคว่า บุคคลเหล่าใดยังไม่รู้แจ้งธรรม A ย่อมถูกชักนำไปในวาทะของคนเหล่าอื่น B บุคคลเหล่านั้นหลับอยู่ยังไม่ตื่น บัดนี้เป็นกาลที่บุคคลเหล่านั้นควรจะตื่น
[๑๖] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า บุคคลเหล่าใดรู้แจ้งธรรมแล้ว ย่อมไม่ถูกชักนำไปในวาทะของคนเหล่าอื่นบุคคลเหล่านั้นผู้รู้ดี รู้ชอบ ย่อมดำเนินไปอย่างสม่ำเสมอในที่ที่ไม่สม่ำเสมอ C อัปปฏิวิทิตสูตรที่ ๗ จบ
เชิงอรรถ
A ธรรม ในที่นี้หมายถึงอริยสัจ ๔ (สํ.ส.อ. ๑/๗/๒๕)
B วาทะของคนเหล่าอื่น หมายถึงลัทธิของเดียรถีย์ หรือทิฏฐิ ๖๒ (สํ.ส.อ. ๑/๗/๒๔)
C ที่ที่ไม่สม่ำเสมอ หมายถึงโลกสันนิวาส หมู่สัตว์ หรือกิเลสที่ไม่สม่ำเสมอ (สํ.ส.อ. ๑/๗/๒๕)
บาลี
อปฺปฏิวิทิตสุตฺต
[๑๕] เอกมนฺต ิตา โข สา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิม
คาถ อภาสิ
เยส ธมฺมา อปฺปฏิวิทิตา ๑ ปรวาเทสุ นียเร ๒
สุตฺตา เต นปฺปพุชฺฌนฺติ กาโล เตส ปพุชฺฌิตุนฺติ ฯ
[๑๖] เยส ธมฺมา สุปฏิวิทิตา ปรวาเทสุ น นียเร
สมฺพุทฺธา สมฺมทฺาย ๓ จรนฺติ วิสเม สมนฺติ ฯ
******************
#๑ สี. อปฺปฏิวิธิตา ฯ ๒ สี. ม. นิยฺยเร ฯ ๓ ยุ. เต สมฺพุทฺธา สมฺมทฺา ฯ
อรรถกถา
อรรถกถาอัปปฏิวัทิตสูตร
พึงทราบวินิจฉัยในสูตรที่ ๗ ต่อไป :-
บทว่า ธมฺมา ได้แก่ สัจจธรรม ๔. บทว่า อปฺปฏิวิทิตา ได้แก่ ยังมิได้แทงตลอดด้วยญาณ. บทว่า ปรวาเทสุ ได้แก่ ในวาทะอัน ประกอบด้วยทิฏฐิ ๖๒ จริงอยู่ วาทะเหล่านั้น ชื่อว่า วาทะของชนพวกอื่น เพราะเป็นวาทะของพวกเดียรถีย์ อื่น นอกจากวาทะในศาสนานี้. บทว่า นียเร ได้แก่ ย่อมเคลื่อนไปตามธรรมดาของคนบ้าง บุคคล อื่นย่อมจูง (นำ) ไปบ้าง ในบทเหล่านั้น เมื่อถือเอาวาทะว่าเที่ยง เป็นต้นเอง ชื่อว่า ย่อมเคลื่อนไป. เมื่อถือเอาวาทะว่าเที่ยงนั้น ตามถ้อยคำของผู้อื่น ชื่อว่า ถูกผู้อื่นจูงไป. บทว่า กาโล เตสํ ปพุชฺฌิตุํ อธิบายว่า กาลนี้ เป็นกาล สมควรเพื่อจะตื่นของบุคคลเหล่านั้น. จริงอยู่ พระพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้นในโลก พระธรรมอันพระองค์ย่อมทรงแสดง พระสงฆ์เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว ทั้งปฏิปทาก็เจริญ เทวดาจึงกล่าวว่า ก็มหาชนเหล่านี้หลับแล้วในวัฏฏะ ยังไม่ตื่น ดังนี้. ในบทว่า สมฺพุทฺธา ได้แก่ ผู้ตรัสรู้แล้วโดยชอบ ด้วยเหตุ ด้วยการณ์. จริงอยู่ ผู้ตรัสรู้ ๔ จำพวก คือ พระสัพพัญญพุทธะ ปัจเจกพุทธะ จตุสัจจพุทธะ และ สุตพุทธะ. ในพุทธะเหล่านั้น ผู้บำเพ็ญบารมี ๓๐ ทัศ แล้วบรรลุพระสัมมาสัมโพธิ ชื่อว่า พระสัพพัญญูพุทธะ. ผู้บำเพ็ญบารมีสิ้น ๒ อสงไขย ยิ่งด้วยแสนกัป จึงบรรลุด้วยตนเอง ชื่อว่า พระปัจเจกพุทธะ. พระขีณาสพผู้สิ้นอาสวะโดยไม่เหลือ ชื่อว่า จตุสัจจพุทธะ. ผู้เป็นพหูสูต ชื่อว่า สุตพุทธะ. พุทธะมีในก่อนแม้ทั้ง ๓ ย่อมสมควรใน อรรถนี้. บทว่า สมฺมทญฺาย ได้แก่ รู้ด้วยเหตุด้วยการณ์. บทว่า จรนฺติ วิสเม สมํ อธิบายว่า ย่อมประพฤติเสมอในโลกสันนิวาสอันไม่เสมอ หรือ ในหมู่สัตว์อันไม่เสมอ หรือว่ากิเลสชาตอันไม่เสมอดังนี้แล.
จบอรรถกถาอัปปฏิวิทิตสูตรที่ ๗